หากกล่าวถึงการฉีดฟิลเลอร์ปาก หรือการฉีดปากอวบอิ่ม เชื่อได้เลยว่าหลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะฟิลเลอร์ถือเป็นสารเติมเต็มทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่ง เป็นสารสังเคราะห์ที่มาจากธรรมชาติ และมีความปลอดภัย มีคุณสมบัติเหมือนคอลลาเจนในร่างกายที่สามารถสลายไปเองได้ ซึ่งฟิลเลอร์จะเข้าไปทำหน้าที่ในการเติมเต็มผิวเพื่อเพิ่มความอวบอิ่มแบบเป็นธรรมชาติ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากจะช่วยปรับรูปทรงของปากให้สมส่วนงดงาม เห็นผลทันทีหลังจากที่ฉีด เรื่องที่หลายคนอาจไม่รู้ของการฉีดปากอวบอิ่ม มีอะไรบ้าง มาดูไปพร้อมๆ กัน
ปัญหาปากแบบไหนที่ควรฉีดฟิลเลอร์ปาก
– ริมฝีปากบาง หลายคนที่ริมฝีปากบาง อาจรู้สึกกังวลและไม่มั่นใจในตัวเอง การฉีดปากให้อวบอิ่มจะช่วยให้คุณมีรูปปากที่สมดุลมากขึ้น และเห็นขอบของริมฝีปากที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
– ปากคว่ำ ปากคว่ำหรือมุมปากตกเป็นปัญหาที่ควรฉีดปากเช่นกัน เพราะฟิลเลอร์จะไปช่วยยกมุมปากให้ขึ้นดูเหมือนยิ้มอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
– ปากมีริ้วรอยและเป็นร่อง เพราะฟิลเลอร์คือสารที่อุ้มน้ำ ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ปาก จึงช่วยให้ปากอวบอิ่มและชุ่มชื่นกว่าเดิม
– ปากเหี่ยวอันเนื่องจากขาดคอลลาเจน การฉีดปากจะเป็นการเติมเต็มสารไฮยาลูรอนิค ทำให้ปากเต่งตึงเหมือนมีคอลลาเจนมาจากธรรมชาติ
ปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ในการฉีดปากอวบอิ่ม
สำหรับปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดปากส่วนมากอยู่ที่ 1 ซีซี หรือในบางราย อาจจะใช้ 2 ซีซี โดยแพทย์จะพิจารณาจากรูปปากเดิมที่มี รวมไปถึงรูปทรงของปากที่ต้องการใหม่ ทางที่ดีคนไข้ควรเข้าไปปรึกษาแพทย์ก่อนทำการฉีดจริงเพื่อประเมินสภาพริมฝีปาก
ระยะเวลาของการฉีดฟิลเลอร์ปาก
หลายคนเข้าใจว่าการฉีดปากอวบอิ่มอยู่ไม่ได้นาน เพราะปากเป็นจุดที่ใช้งานบ่อย และต้องสัมผัสกับความร้อนบ่อย ซึ่งระยะเวลาของการคงตัวฟิลเลอร์จะอยู่ราวๆ 6 เดือนไปจนถึง 18 เดือน และสำหรับบางคลินิกที่แพทย์เลือกใช้ฟิลเลอร์ถูกประเภท ก็จะอยู่ได้นานสูงสุดที่ 18 เดือนเลยทีเดียว
ฉีดปากแล้วปากเน่ามีจริงหรือไม่
หากเลือกฉีดฟิลเลอร์แท้ที่มาจากสารไฮยาลูรอนิค แอซิด คนไข้จะมั่นใจได้ว่าไม่มีอันตรายใดๆ แม้แต่ไม่พอใจในผลลัพธ์ก็สามารถแจ้งแพทย์ให้ฉีดสลายได้เช่นกัน แต่บางกรณีที่ปากเน่ามักจะเกิดจากอันตรายของการฉีดฟิลเลอร์ปลอม เช่น อาการอักเสบ เป็นหนอง สามารถสังเกตได้ทันทีว่าเวลาสัมผัสจุดที่จะฉีด ย่อมมีอาการเจ็บตั้งแต่ระดับเล็กน้อยไปจนถึงระดับรุนแรง ยิ่งบางรายอาจทำให้ริมฝีปากผิดรูป ปากเบี้ยว ริมฝีปากไม่เท่ากัน เพราะฟิลเลอร์ปลอมไม่สามารถสลายตัวได้เหมือนกับฟิลเลอร์แท้ วิธีแก้มีแค่หนทางเดียวคือการผ่าตัดเอาเนื้อฟิลเลอร์ออก
เจ็บหรือไม่กับฟิลเลอร์ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปาก อาจทำให้รู้สึกเจ็บบ้าง เพราะเนื้อที่ริมฝีปากเป็นเนื้อที่ไวต่อสัมผัส อีกทั้งยังเป็นเนื้ออ่อน ซึ่งตัวยาของฟิลเลอร์มีส่วนผสมของยาชาแบบฉีดอยู่ จึงส่งผลให้ลดความรู้สึกเจ็บได้ และการฉีดฟิลเลอร์นั้นมี 2 แบบด้วยกัน คือแบบเข็มแหลมและแบบเข็มทู่ โดยแพทย์จะแนะนำให้ใช้เข็มปลายทู่มากกว่าเพราะสามารถหลบเส้นเลือดได้ดี ไม่ทำให้เส้นเลือดฉีกขาด หรือทำให้เกิดอาการบวมช้ำหลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว
ขั้นตอนสำคัญในการฉีดฟิลเลอร์
1.เช็ดล้างคราบสิ่งสกปรกและคราบเครื่องสำอางที่อยู่บนริมฝีปาก จากนั้นจะเช็ดด้วยแอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อ
2.แพทย์ประเมินรูปทรงปากและสัดส่วนของเนื้อที่ริมฝีปาก พร้อมกับออกแบบทรงปากให้เหมาะกับใบหน้าของคนไข้
3.แพทย์แปะยาชา และทิ้งเวลาประมาณ 40 นาที จากนั้นจะฉีดยาชาอีกครั้งเพื่อให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บ
4.การฉีดฟิลเลอร์จะเริ่มที่ขอบปาก จากนั้นจะเติมเนื้อปากให้ได้สัดส่วนแล้วปั้นให้เป็นรูปปากตามต้องการ โดยขึ้นอยู่กับริมฝีปากก่อนทำ รวมไปถึงเนื้อปาก และรูปทรงตามที่ต้องการ
5.เมื่อได้ทรงปากสวยตามที่ต้องการ แพทย์จะแจ้งการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากเรียบร้อยแล้ว สามารถกลับบ้านได้โดยไม่ต้องค้างคืน
การเตรียมตัวก่อนจะไปฉีดปากอวบอิ่ม
1.แจ้งให้แพทย์ที่จะทำการฉีดปากทราบกรณีที่มีโรคประจำตัว
2.งดรับประทานยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด 1 สัปดาห์ก่อนฉีด
3.งดรับประทานวิตามิน อาหารเสริมก่อนฉีดปาก 1 สัปดาห์
4.งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่ 1 วันก่อนฉีด
5.งดกิจกรรมที่กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เช่น การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ การอบซาวน่า
6.งดจับ แกะ เกา กัดริมฝีปากหลังทำ 2 สัปดาห์เพราะจะทำให้เนื้อฟิลเลอร์เคลื่อนตัว
วิธีปฏิบัติตัวหลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้ว
1.งดการกินอาหารที่ร้อนจัดเป็นเวลา 2 สัปดาห์
2.ทาลิปบาล์มเพื่อการบำรุงริมฝีปากให้มีความชุ่มชื่นอยู่เสมอ
3.ดื่มน้ำสะอาดในปริมาณ 2 -3 ลิตรในแต่ละวัน
เหตุผลที่ฉีดฟิลเลอร์แล้วปากเป็นก้อน
1.แพทย์ไม่มีความชำนาญมากพอ จึงเลือกชนิดของฟิลเลอร์ไม่เหมาะสมกับปริมาณที่ต้องการฉีด เช่นใช้ฟิลเลอร์โมเลกุลหนาแน่นไปฉีดบริเวณที่ผิวบาง ต้องการความยืดหยุ่นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการฉีดฟิลเลอร์ที่ปาก ควรเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่ยืดหยุ่นสูง เนื้อแน่นปานกลาง และอุ้มน้ำได้ดี
2.ฉีดไม่ตรงกับตำแหน่งที่ต้องการ ยกตัวอย่างเช่นการฉีดปากในตำแหน่งที่ตื้นมากเกินไป จึงทำให้ปากเป็นก้อนได้
3.ฟิลเลอร์ที่ฉีดไม่มีความเป็นมาตรฐาน หรือบางรายมีการฉีดฟิลเลอร์ปลอม ทำให้เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนและมีพังผืดเกาะ
4.ฉีดปริมาณมากเกินไป เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์จำเป็นต้องฉีดกับแพทย์ที่ชำนาญในการประเมินชั้นผิวและสรีระในตำแหน่งริมฝีปาก เพื่อช่วยให้เลือกใช้ฟิลเลอร์ได้เหมาะสม
วิธีบำรุงริมฝีปากก่อนฉีดฟิลเลอร์
การเตรียมริมฝีปากให้เนียนนุ่ม อวบอิ่มและชุ่มชื่น เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม โดยวิธีบำรุงเรียวปากมีดังนี้
1.สครับปาก การสครับปากจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป จึงช่วยให้ริมฝีปากเรียบเนียนไม่เป็นขุย ควรสครับปากสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
2.ทาลิปบาล์ม การทาลิปบาล์มหรือบำรุงริมฝีปาก จะช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ปากมีความเนียนนุ่มและมีสุขภาพดี และที่สำคัญควรทาลิปบาล์มเป็นประจำ อย่าปล่อยให้ริมฝีปากแห้งจะดีที่สุด
เลือกฉีดฟิลเลอร์ปากที่ใดจึงจะเหมาะสมที่สุด
การฉีดปากอวบอิ่มถือเป็นจุดที่ฉีดแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด มีความปลอดภัย ไม่ต้องพักฟื้นหรือค้างคืนที่สถานพยาบาล ซึ่งการฉีดสารไฮยาลูรอนิกแอซิด มีให้บริการที่คลินิกเสริมความงามทุกแห่ง แต่สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ปากที่ใดจึงจะดีที่สุด ควรใช้หลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ในการพิจารณา
1.เลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีการรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง
2.สถานพยาบาลหรือคลินิกที่เลือกต้องได้รับการรองรับมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข
3.มีแพทย์ประจำที่คลินิก และรายชื่อแพทย์ที่ทำหัตถการให้ต้องตรงกับที่แสดงในคลินิก
4.แสดงขวดฟิลเลอร์ให้คนไข้ได้ดูก่อนฉีดปาก พร้อมสอนวิธีตรวจสอบกล่องฟิลเลอร์เพื่อดูว่าเป็นฟิลเลอร์แท้หรือไม่
5.เปิดขวดฟิลเลอร์ใหม่ให้แพทย์ และแพทย์จะเป็นผู้ทำการฉีดให้เท่านั้น
6.นัดหมายและติดตามผลหลังจากฉีด เพื่อพิจารณาว่าผลลัพธ์ตรงกับความต้องการของคนไข้หรือไม่
7.มีช่องทางในการติดต่อที่ชัดเจน คนไข้สามารถนัดหมายเพื่อปรึกษาได้ โดยคลินิกที่ดีจะมีการออกแบบริมฝีปากโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก
จะเห็นได้ว่าการฉีดปากอวบอิ่มมีเรื่องต้องศึกษาหลายต่อหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งการศึกษาข้อมูลให้ละเอียดจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ตรงใจคนไข้มากที่สุด และนี่ก็คือเรื่องที่หลายคนอาจไม่รู้ของการฉีดปาก