หากว่าเอ่ยถึงปัญหาใต้ตา หลายๆ คนคงจะคิดเหมือนกันใช่หรือไม่ว่าเป็นปัญหาที่รบกวนจิตใจอย่างยิ่ง ทำให้เกิดความไม่มั่นใจและต้องเมคอัพกลบปัญหาใต้ตา ซึ่งการแก้ไขด้วยวิธีทางการแพทย์ถือเป็นสิ่งที่ช่วยได้อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาใต้ตาอย่าง ถุงใต้ตา ขอบตาดำคล้ำ รวมไปถึงริ้วรอยใต้ตา วันนี้เราขออาสาพาคุณมาศึกษาหาความรู้เรื่องปัญหาใต้ตาและการฉีดใต้ตาที่ไหนดี พร้อมแล้วมาดูกัน
วิธีการแก้ปัญหาใต้ตาที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
1.การผ่าตัดศัลยกรรมถุงใต้ตา
สำหรับการผ่าตัดศัลยกรรมเป็นวิธีการรักษาถุงใต้ตาอันเนื่องมาจากกรรมพันธุ์ที่ดีที่สุด และมอบผลลัพธ์ที่ถาวร เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีถุงใต้ตาหย่อนคล้อยมาก หรือถุงไขมันใต้ตาเยอะ ถุงใต้ตาป่องนูน ไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการอื่นๆ ซึ่งแพทย์จะผ่าตัดเอาถุงไขมันใต้ตาและหนังตาส่วนเกินออก หรือบางครั้งแพทย์จะเอาออกเฉพาะไขมัน แล้วจากนั้นจะเย็บปิดแผลให้สวยงาม ก่อนเลือกฉีดใต้ตาที่ไหนดี ควรพิจารณาว่าคลินิกนี้มีวิธีการทำหัตถการแบบใดบ้าง
2.การฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิก แอซิด
การฉีดสารเติมเต็มถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการรักษาถุงใต้ตา เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น ไม่ต้องผ่าตัด แต่ทว่าช่วยให้ผิวรอบดวงตาเต็มตื้นกว่าเดิม เรียบเนียนกว่าเดิม ลดขนาดถุงใต้ตาได้ อีกทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาหมองคล้ำได้อีกด้วยเช่นกัน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์กลุ่มไฮยาลูรอนิค แอซิด มีความปลอดภัยที่สูงมาก สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างในร่างกาย ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ซึ่งคนไข้ควรเลือกอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่าจะฉีดใต้ตาที่ไหนดี
3.ฉีดไขมันใต้ตา
การฉีดไขมันใต้ตาเป็นเทคนิคทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะช่วยให้ดวงตาดูสดใส เปล่งปลั่ง อ่อนเยาว์ ช่วยลดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี ซึ่งกระบวนการในการฉีดไขมันใต้ตา จะใช้ไขมันจากตัวคนไข้เอง ไม่ว่าจะเป็นไขมันส่วนท้อง ส่วนสะโพก จากนั้นนำมาฉีดที่ใต้ผิวหนังบริเวณพื้นที่รอบดวงตา ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในรูปแบบที่เหมาะสม และช่วยให้ผิวหนังแข็งแรงกว่าเดิม ทำให้ริ้วรอยที่เกิดขึ้นลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาดูอ่อนเยาว์กว่าเดิม ซึ่งการเติมไขมันใต้ตาเป็นกระบวนการที่คนไข้ต้องทำกับแพทย์ที่ชำนาญโดยเฉพาะและตัดสินใจว่าจะฉีดใต้ตาที่ไหนดี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ปลอดภัย การปรึกษากับแพทย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะคนไข้จะทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการและประโยชน์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการฉีดไขมัน อย่างไรก็ดีการฉีดไขมันใต้ตาไม่ได้จำเป็นสำหรับทุกคนแต่อย่างใด หากว่าใครสนใจควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนจะดีที่สุด
4.การดูดไขมัน
หลายคนอาจจะสงสัยว่าการดูดไขมันช่วยแก้ไขปัญหารอบดวงตาได้อย่างไร คำตอบก็คือการดูดไขมันเป็นหัตถการที่แพทย์มักใช้แก้ไขปัญหาถุงใต้ตาของคนไข้บางราย เพราะสามารถลดขนาดถุงใต้ตาได้ชัดเจน เหมาะสมกับคนที่มีถุงไขมันใต้ตานูนออกมา แต่ไม่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดเปิดในเปลือกตา แล้วดูดไขมันออกมาในปริมาณที่เหมาะสม
5.การใช้คลื่นความถี่วิทยุ
สำหรับการใช้คลื่นความถี่วิทยุ คือเทคโนโลยีการแพทย์ที่ช่วยในการสลายไขมันและเซลลูไลต์ใต้ชั้นผิว อีกทั้งยังกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ช่วยให้ผิวกระชับและทำให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้นได้ โดยสามารถนำมาใช้ในการลดไขมันบริเวณถุงใต้ตาได้อีกด้วย นอกจากนี้การใช้คลื่นความถี่วิทยุยังแก้ไขปัญหาหนังตาตก รอยย่น หรือรอยตีนกา ถุงใต้ตาหนา ริ้วรอยรอบดวงตา หรือปัญหาใต้ตาคล้ำได้อีกด้วย
6.การใช้คลื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound)
สำหรับคลื่นอัลตร้าซาวด์ ถือเป็นเทคโนโลยีกระชับผิวที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่ง เพราะสามารถกระตุ้นให้ผิวหนังชั้น SMAS ยกกระชับขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ลดไขมันบริเวณถุงใต้ตาได้บางส่วนเหมือนกับการรักษาถุงใต้ตาด้วยคลื่นความถี่วิทยุ ตัวอย่างคลื่นอัลตร้าซาวด์ที่รู้จักกันดีคือ HIFU Ultraformer III
สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนฉีดใต้ตาที่ไหนดี
1.ตรวจสอบฟิลเลอร์
คนไข้จะต้องตรวจสอบให้ได้ว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นฟิลเลอร์แท้ 100 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่ ที่สำคัญจะต้องส่งตรงจากบริษัทยา ไม่ได้ลักลอบนำเข้ามา โดยฟิลเลอร์แท้จะมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากว่าเนื้อฟิลเลอร์สลายออกจากร่างกายจนหมดภายใน 1-2 ปี แต่หากว่าเป็นฟิลเลอร์ปลอมจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีการนำวัสดุอื่นๆ มาทดแทน เช่นซิลิโคลนเหลว พาราฟิน ซึ่งฉีดแล้วจะไม่สลายไป ฉีดแล้วเกิดอาการไหล เมื่อเวลาผ่านไปจึงเกิดการอักเสบและติดเชื้อ รวมถึงเกิดอาการข้างเคียงอื่นๆ ทำให้ใบหน้าผิดรูปได้นั่นเอง
2.แพทย์มีความเข้าใจอย่างดีสำหรับกายวิภาคบริเวณใต้ตา
คนไข้จะต้องเลือกฉีดใต้ตาที่ไหนดี โดยพิจารณาจากแพทย์ผู้ฉีดฟิลเลอร์ว่ามีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกายวิภาคบริเวณใต้ตาได้เป็นอย่างดี มีประสบการณ์และความชำนาญสูง เพราะว่าใต้ตาเป็นจุดที่มีโครงสร้างซับซ้อน มีผิวหนังบางและเส้นเลือดจำนวนมาก จะต้องใช้เทคนิคพิเศษและใช้ความชำนาญ รวมถึงความระมัดระวังในการฉีด หากใครที่เคยดูรีวิวจะเห็นว่าแพทย์คนละคนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในปริมาณ 1 ซีซีเท่ากัน แต่ให้ผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญอาจจะฉีดฟิลเลอร์แล้วออกมาเป็นก้อนที่ใต้ตา ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกคลินิกใดก็ตาม สิ่งที่ต้องใส่ใจที่สุดก็คือแพทย์ที่ฉีดฟิลเลอร์นั่นเอง
นอกจากนี้แพทย์ที่ดีจะมีการติดตามผลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใน 1-2 สัปดาห์หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว และระหว่างช่วงสองสัปดาห์นี้จะมีเจ้าหน้าที่ของทางคลินิกคอยโทรศัพท์สอบถามอาการหลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคนไข้ เพื่อให้มั่นใจว่าหลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้วไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นกับคนไข้ หรือหากว่าคนไข้กังวลใจในด้านใดเป็นพิเศษก็ให้โทรศัพท์มาสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ได้ในทันที
เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการเติมใต้ตาที่ไหนดี
1.ค้นหาคลินิกและค้นหาแพทย์ที่ชำนาญในการทำหัตถการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและเติมไขมันใต้ตา โดยจะสอบถามกับเพื่อนหรือคนรู้จักก็ได้เช่นกัน จากนั้นตรวจสอบประวัติและความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่คุณสนใจ พร้อมดูในเว็บไซต์หรือแหล่งข้อมูลอื่นๆ เพื่อพิจารณาผลงานและการรับรองจากองค์กรต่างๆ
2.พิจารณาให้แน่ใจว่าแพทย์ที่คุณเลือกมีใบอนุญาตและมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการดำเนินการทางด้านความงามมากหรือน้อยเพียงใด
3.ปรึกษากับแพทย์เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการการฉีดไขมันใต้ตา พร้อมสอบถามเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในภายหลัง สอบถามวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดไขมันใต้ตาหรือฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
4.รับการประเมินความเหมาะสมก่อนจะทำการฉีดไขมันใต้ตา ซึ่งแพทย์จะมีการตรวจสอบสุขภาพทั่วๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพของคนไข้ ประวัติการรักษา ประวัติการแพ้ยา
5.คำนึงถึงราคาและความคุ้มค่าของการฉีดใต้ตา โดยเลือกแพทย์ที่มีคุณภาพมากที่สุด
ขั้นตอนของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด จึงขออนุญาตยกตัวอย่างขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ประกอบการพิจารณาดังต่อไปนี้
1.หลังจากที่นัดแพทย์สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว แพทย์จะมีการประเมินปัญหาของคนไข้ และอธิบายขั้นตอนในการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้คนที่เข้ารับบริการเข้าใจกระบวนการทั้งหมด
2.คนไข้ล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าจนหมดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
3.แพทย์วาดจุดที่จะฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตา
4.แพทย์ทายาชาบริเวณใต้ตาเพื่อเตรียมตัวสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ในขั้นตอนต่อไป ใช้เวลา 2-3 นาทีระหว่างรอให้ยาชาออกฤทธิ์
5.แพทย์ทำการฉีดฟิลเลอร์ในจุดที่วาดเอาไว้ก่อนหน้านี้
สำหรับใครที่ต้องการให้การฉีดใต้ตามีผลลัพธ์ที่ดีและเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด ขอแนะนำว่าให้เลือกแพทย์ที่มีความชำนาญ และเลือกประเภทของการทำหัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาใต้ตาของคุณอย่างแท้จริง เพราะปัญหาใต้ตาเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ดังนั้นควรใส่ใจเพื่อความมั่นใจ สวยในทุกอิริยาบถของตัวคุณเอง