เชื่อได้เลยว่าหลายคนที่มีปัญหาหน้าผากแบน คงกำลังไม่มั่นใจในตัวเองอย่างแน่นอน เมื่อหน้าผากแบนจะทำให้ใบหน้าดูทรุดโทรมและไม่สดใส ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ใช้สำหรับแก้ไข กรณีของคนที่ไม่ต้องการผ่าตัด ช่วยให้หน้าผากเป็นรูปเป็นทรง เข้ารูปกับใบหน้าได้มากกว่าเดิม ซึ่งเรื่องน่ารู้ของการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากมีอะไรบ้าง มาดูพร้อมกัน
อะไรคือฟิลเลอร์หน้าผาก
การฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผากก็เหมือนการฉีดฟิลเลอร์จุดอื่นๆ ในใบหน้า เพราะเป็นการฉีดสารเติมเต็มชนิดไฮยาลูรอนิคแอซิดเข้าไปในบริเวณหน้าผาก แต่ส่วนมากแพทย์มักจะไม่แนะนำให้ฉีดเป็นจุดแรกๆ สำหรับใครที่อยากปรับรูปหน้า เพราะการฉีดหน้าผากต้องใช้ฟิลเลอร์หลายซีซีเพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
วัตถุประสงค์ของการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ของคนแต่ละช่วงอายุ
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากสำคัญอย่างไรเหตุเพราะหน้าผากเป็นส่วนประกอบสำคัญของใบหน้า ที่คนส่วนใหญ่มองข้าม ซึ่งการฉีดรักษาบริเวณหน้าผากทำได้ทั้งคนที่อายุน้อยและอายุมาก แต่หลักการจะแตกต่างกัน คือ
กรณีที่ 1 ในคนอายุน้อย
โดยเฉพาะถ้าอายุต่ำกว่า 30 ปี เราเน้นปรับรูปโครงหน้าผาก โดยการฉีดเติมหน้าผากให้โหนกนูน เพื่อทำให้ใบหน้าดูสวยหวานขึ้น หลังฉีดหน้าจะดูเรียวขึ้นด้วย
กรณีที่ 2 คือในคนอายุมาก
เช่นอายุมากกว่า 35 ไปแล้ว การฉีดหน้าผากจะแตกต่างกัน เพราะเนื้อเยื่อของผิวหนังบริเวณหน้าผากจะฝ่อตัวลง ซึ่งรวมถึงชั้นของกระดูกด้วย ที่ค่อยๆยุบตัวลง ทำให้หน้าผากเกิดเป็นร่องบุบ ซึ่งเห็นชัดบริเวณเหนือคิ้วทั้งสองข้าง เพราะว่าส่วนของคิ้ว เป็นส่วนของแนวสันกระดูกที่หนากว่ากระดูกส่วนหน้าผาก และเนื้อเยื่อบริเวณนี้ก็หนากว่า ทำให้ยุบตัวน้อยกว่า และพบทั้งในผู้หญิงหรือผู้ชาย คือถ้าอายุเกินกว่า 35 ปี มักพบลักษณะการยุบตัวแบบนี้ ทำให้ลักษณะความอ่อนเยาว์ของใบหน้าลดลง การยุบของหน้าผากแบบนี้การเทคนิคการฉีดจะแตกต่างจากการฉีดหน้าผากในคนอายุน้อย คือเราจะเน้นฉีดเพื่อเติมเต็มส่วนร่องบุบก่อน แล้วค่อยปรับรูปโครงหน้าผากให้เหมาะสมกับวัย ต้องเน้นว่าปรับรูปโครงหน้าผากให้เหมาะสมกับวัย เพราะใครที่อายุเกิน 40 ปี แล้วฉีดหน้าผากให้โหนกนูนแบบเด็กอายุ 25 ปีละก็ ใบหน้าจะดูแปลกๆ หรือดูโป๊ะนั่นเอง
มีอีกกรณีที่ทำให้หน้าผากยุบได้เร็วขึ้น ก็คือผู้ที่นิยมฉีดสารโบทุลินั่มท๊อกซิน หรือที่เรียกติดปากว่า
การ ‘ฉีดโบท๊อกซ์’ เพื่อแก้ริ้วรอยหน้าผากบ่อย ๆ และชอบฉีดเยอะๆ แบบให้หน้าผากตึงมาก ๆ คนเหล่านี้จะพบการบุบยุบของหน้าผากได้เร็วขึ้น เพราะกล้ามเนื้อฝ่อตัวลงจากยาที่ฉีดนั่นเอง
แบบไหนที่เรียกว่าหน้าผากสวย
เราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าลักษณะหน้าผากแบบไหนที่เรียกว่าสวย และเป็นธรรมชาติ ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้คือ
1.มองด้านข้าง 90 องศา ต้อง มีความโค้งมนจากระดับหว่างคิ้ว ขึ้นไปถึงไรผม โดยไม่มีร่องบุบ
2.มองด้านหน้า จุดนูนที่สุดจะอยู่ช่วงกลางหน้าผาก และประมาณ 2 cm สูงจากระดับหว่างคิ้ว
ถ้าผิดจากนี้ก็จะดูไม่สวยเป็นธรรมชาติ ซึ่งหลายๆคนก็ไม่ทราบ ลองมาดูตัวอย่างที่ผิดๆกัน
เห็นมั้ยว่าการจะฉีดหน้าผากให้สวยนั้น มันมีรายละเอียดอีกมากที่คนส่วนใหญ่ หรือแม้กระทั้งแพทย์ผู้ฉีดเองก็ไม่รู้ ทุกคนเข้าใจว่าฉีดมาก ๆ ให้โหนกนูนมาก ๆ แล้วจะสวย ซึ่งไม่ใช่เลย
เทคนิคการฉีดที่ทำให้ได้หน้าผากสวย
การฉีดหน้าผากให้สวยมีหลักดังนี้
1.ฉีดลึก เพื่อไปวางฟิลเลอร์ไว้บนกระดูก
เพื่อปรับแก้ส่วนกระดูกที่ยุบ ซึ่งจะให้ผลการรักษาดูเหมือนธรรมชาติมาก และเวลาจับหน้าผากดูก็จะรู้สึกเป็นธรรมชาติ คือแข็งเหมือนกระดูกปกติ กดไม่บุ๋ม แต่ถ้าฉีดด้วยไขมันตังเอง หน้าผากจะนูน แต่จะนิ่มๆเวลาจับ และกดบุ๋มเป็นรอยนิ้ว (ฉีดฟิลเลอร์ก็กดบุ๋มได้ถ้าแพทย์ฉีดตื้นเกินไป)
2.ใช้ยาถูกต้อง คือใช้ฟิลเลอร์ HA
มีเนื้อเจลที่เป็นอนุภาคเล็ก เนื้อเจลกระจายตัวดี ทำให้หลังฉีดหน้าผากเรียบเนียนเป็นธรรมชาติกว่าใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง
บทสรุป
หน้าผากถือเป็นจุดสำคัญของใบหน้า หลังการรักษาต้องให้ดูเป็น ธรรมชาติ และอ่อนวัยขึ้นในแบบที่คนอื่นไม่รู้ว่าไปทําอะไรมา ซึ่งทำได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย รวมถึงในผู้ที่มีอายุมากขึ้น เช่น 40-70 แล้วก็สามารถฉีดเติมหน้าผากได้ เพราะจะทําให้ใบหน้าดูอ่อนวัยอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งในต่างประเทศเรียกเทคนิคแบบนี้ว่าเป็นเทคนิคสําหรับ Executive เพราะเหมาะกับระดับผู้บริหารที่ต้องการดูดีขึ้นในแบบที่เป็นธรรมชาติและไม่มีใครรู้ นอกจากนี้เมื่อเวลาผ่านไปการขยับของกล้ามเนื้อหน้าผากก็ไม่มีผลต่อการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ ทําให้หน้าผากดูเรียบสวยตลอด และเมื่อจับดูก็แข็งเหมือนหน้าผากปกติ ไม่รู้สึกนิ่มหยุ่นๆ เหมือนฉีดด้วยไขมัน