ฉีดใต้ตาคล้ำดีไหม มีผลข้างเคียงหรือเปล่า

ฉีดใต้ตาคล้ำ

ใต้ตาคล้ำมีสาเหตุมาจากอะไร แล้วถ้าฉีดใต้ตาคล้ำจะมีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า

ปัญหาตาคล้ำ ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า แม้จะไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตนเอง แต่บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ สาเหตุของปัญหาใต้ตาคล้ำมีด้วยกันหลายสาเหตุ โดยส่วนใหญ่ปัญหาใต้ตาหมองคล้ำมักจะถูกแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา วันนี้เราจะมาบอกเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ใต้ตาคล้ำมีอะไรบ้าง ฉีดใต้ตาคล้ำดีไหม มีผลข้างเคียงหรือเปล่าเพื่อเป็นแนวทางให้ทุกคนได้ศึกษา

สาเหตุใดบ้างที่ทำให้ใต้ตาคล้ำ

1.พักผ่อนน้อย ในแต่ละวัน คนเราควรนอนหลับพักผ่อนไม่ต่ำกว่า 6-8 ชั่วโมง หากพักผ่อนน้อยนอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพแล้วก็ยังทำให้ใต้ตาหมองคล้ำดำเป็นหมีแพนด้าซึ่งเห็นได้ชัดเจนที่สุดเลย นอกจากนั้นการทานอาหารที่มีโซเดียมสูง ผงชูรสมากเกินไปก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ตาคล้ำได้เช่นกัน

2.โรคภูมิแพ้ ปัญหาใต้ตาคล้ำ อาจเกิดจากโรคภูมิแพ้ที่ส่งผลให้ระบบการไหลเวียนเลือดติดขัด จมูกบวม ปิดกั้นการไหลเวียนของเลือดทำให้เลือดคั่งอยู่บริเวณผิวใต้ตา นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มักมีอาการระคายเคืองหรือคันที่ตาทำให้ต้องขยี้ตาเป็นประจำจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ใต้ตาดำ รวมถึงรอยเหยี่ยวย่นด้วย

3.อายุมากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น สิ่งที่ตามมาคือความหมองคล้ำใต้ตา รวมถึงความเหี่ยวย่น บางคนมีตาลึก ตาโหล มีถุงใต้ตา ไขมันใต้ตาเยอะ เพราะเมื่ออายุมากขึ้น Baby Fat ที่อยู่ในตำแหน่งแก้มและบริเวณใต้ตาจะเริ่มจางหายไป 

4.พันธุกรรม พันธุกรรมเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตาดำ ตาโหล ลักษณะพันธุกรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกันและหากเกิดปัญหาใต้ตาดำขอบตาดำที่มาจากพันธุกรรม การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอาจไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้

วิธีแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา ตาลึก ตาโหลที่ดีที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุด ก็คือ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นการฉีดสารไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งไม่มีอันตราย นอกจากช่วยแก้ปัญหาขอบตาคล้ำ แล้วยังช่วยแก้ปัญหาบริเวณใต้ตาที่เป็นร่องลึก รอยเหี่ยวย่นทำให้ตาดูอวบอิ่มและสดใสขึ้นมา

ฉีดใต้ตาคล้ำ

สำหรับคำถามที่ว่าฉีดใต้ตาคล้ำหรือฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีผลข้างเคียงหรือเปล่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล บางคนไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เลยหลังจากฉีดแล้วก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ในขณะที่บางคนอาจมีอาการบวมเล็กน้อย แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปประมาณ 2-3 วัน รอยนั้นจะค่อยๆ ยุบและจางหายไปเอง โดยส่วนใหญ่จะใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ถึงจะเข้าที่ ยิ่งหากปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด อาการเหล่านั้นก็จะยิ่งหายเร็วขึ้น