หน้าผากคืออีกหนึ่งองค์ประกอบบนใบหน้าที่สามารถทำให้ใบหน้าดูดีขึ้นได้ อย่างไรก็ดีผู้ที่มีปัญหาหน้าผากแบนอาจคิดเหมือนกันใช่หรือไม่ว่าด้วยหน้าผากลักษณะนี้ส่งผลให้ใบหน้าดูไม่สดใสและทรุดโทรม อย่างไรก็ดีการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากคือทางแก้ไขปัญหาที่ตอบโจทย์สำหรับทุกคน ฟิลเลอร์จะช่วยให้หน้าผากได้รูปทรง และทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์อีกด้วย หลายคนอาจกำลังหาข้อมูลในเรื่องการฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผาก มาศึกษาข้อมูลน่ารู้ไปพร้อม ๆ กัน
อะไรคือฟิลเลอร์หน้าผาก
การฉีดฟิลเลอร์บริเวณหน้าผาก เปรียบได้กับการฉีดสารเติมเต็มแบบกรดไฮยาลูรอนิคไปยังบริเวณหน้าผาก ซึ่งจะไม่ได้เป็นจุดแรกที่แพทย์แนะนำสำหรับการปรับรูปหน้าเท่าใดนัก เนื่องจากว่าหากคนไข้ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงในทันทีอาจต้องใช้ฟิลเลอร์ปริมาณหลายซีซีนั่นเอง ในขณะที่หากฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้มหรือบริเวณใต้ตา จะใช้แค่เพียงหนึ่งซีซีก็เห็นผลได้ชัดเจนแล้ว
ความแตกต่างระหว่างการผ่าตัดเสริมหน้าผากและการฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผาก
หลายๆ คนอาจจะกำลังลังเลใจใช่หรือไม่ว่าจะเลือกผ่าตัดเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนดีหรือจะฉีดฟิลเลอร์ดี แม้ว่าการผ่าตัดเสริมหน้าผากจะมีข้อดีคืออยู่ได้ถาวร แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าใดนัก เนื่องจากบวมและช้ำมาก ที่สำคัญอาจต้องใช้เวลาพักฟื้นนานเป็นเดือน นอกจากนี้ยังมีรอยแผลเป็นที่ยาวตามขนาดของซิลิโคน แม้จะเป็นรอยแผลในไรผมก็ซ่อนได้ยาก ที่สำคัญหากว่าเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคนมาแล้วไม่พอใจ ก็ทำการแก้ไขได้เพียงวิธีเดียว นั่นก็คือการผ่าตัดแก้ไขเท่านั้น ในขณะที่การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากสามารถแก้ไขได้ไม่ยากหากว่าการฉีดครั้งแรกผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นที่พึงพอใจ
ความแตกต่างระหว่างการฉีดไขมันเติมหน้าผากกับการฟิลเลอร์หน้าผาก
การฉีดหน้าผากด้วยฟิลเลอร์ถือว่าเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง และสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังจากฉีด ที่สำคัญคือไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล และไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการพักฟื้นหลายวัน เพราะอาการบวมหลังจากฉีดจะอยู่ในระยะเวลาเพียง 2-3 วันเท่านั้น และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนจนสังเกตได้ในเวลา 2 สัปดาห์ ในขณะที่การใช้ไขมันเติมที่หน้าผากจะมีแผลในตำแหน่งที่ดูดไขมันมาใช้ อีกทั้งยังต้องฉีดซ้ำหลายครั้ง ส่งผลให้ผิวไม่เรียบเสมอกันอีกด้วย
ความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในการฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผาก
เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นการฉีดเข้าในชั้นเยื่อหุ้มกระดูก ซึ่งต้องใช้ความชำนาญทางการฉีดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยคนไข้ที่ได้รับการฉีดหน้าผากด้วยเทคนิคนี้ก็สามารถมั่นใจในผลลัพธ์ที่ดีจนคุณรู้สึกได้ เมื่อคลำลงไปแล้วจะไม่พบฟิลเลอร์ที่เป็นเนื้อแข็งหรือเป็นก้อนแต่อย่างใด ผิวบริเวณหน้าผากจะไม่ยวบยาบ และเมื่อมองจากภายนอกจะเรียบเนียนและไม่เป็นคลื่นอีกด้วย ในขณะที่หากว่าฉีดในชั้นที่ตื้นขึ้นมา หรือฉีดอยู่ในชั้นกล้ามเนื้อ เมื่อแตะหรือคลำดูจะสังเกตได้ถึงเนื้อฟิลเลอร์นิ่มๆ ที่บริเวณหน้าผากเท่านั้น เมื่อกดลงไปเนื้อฟิลเลอร์อาจยุบหรือไหล และเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า เนื้อฟิลเลอร์ก็จะมารวมกันเป็นก้อน ทำให้ไหลย้อยเป็นคลื่นได้นั่นเอง นอกจากนี้ปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุดคือบางคลินิกอาจใช้ฟิลเลอร์ปลอมซึ่งไม่สลายไปแม้ผ่านไปนานหลายปีก็ตาม นอกจากนี้อาจทำให้เกิดพังผืดบริเวณที่ฉีดได้อีกด้วย จึงเป็นหน้าที่ของคนไข้ในการสังเกตฟิลเลอร์ยี่ห้อต่างๆ และก่อนจะฉีดต้องให้แพทย์แกะหลอดฟิลเลอร์ให้ดูเพื่อความมั่นใจ หลังจากฉีดเสร็จเรียบร้อยแล้วควรขอกล่องกลับบ้าน หรือถ่ายรูปกล่องเก็บไว้เพื่อตรวจสอบในภายหลังก็ได้เช่นกัน
การแก้ไขฟิลเลอร์หน้าผากที่นูนเกินไป
คนไข้หลายคนประสบกับปัญหาของการฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผากแล้วหน้าผากนูนเกินไป ต้องการแก้ไข ซึ่งปัญหานี้มีทางแก้ไขด้วยการใช้ยาสำหรับฉีดเพื่อสลายฟิลเลอร์ซึ่งสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย แต่อย่างไรก็ดีหากฉีดฟิลเลอร์ปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่ใช่ไฮยารูลอนิคแอซิด ก็อาจต้องแก้ไขด้วยการขูดฟิลเลอร์ออกจะดีที่สุด
ฟิลเลอร์ที่หน้าผากสลายได้อย่างไร
บางคนอาจจะสงสัยใช่หรือไม่ว่า หากเป็นฟิลเลอร์แท้แล้วจะสลายไปได้เองหรือไม่ และมีกระบวนการอย่างไร คำตอบคือฟิลเลอร์แท้เมื่อฉีดแล้วจะสลายเองตามธรรมชาติ แต่ระยะเวลาจะอยู่ที่เท่าใดก็ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ สำหรับใครที่อยากให้ฟิลเลอร์สลายอย่างรวดเร็วก็สามารถใช้เอนไซม์ Hyaluronidase ซึ่งจะสามารถละลายออกได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผิวกลับคืนมาสู่สภาพก่อนฉีดได้
อันตรายหรือไม่ หากฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผาก
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผากหรือฟิลเลอร์ขมับเป็นสองจุดที่เชื่อมต่อกัน และถือว่าเป็นจุดที่มีความอันตรายสูงหากว่าแพทย์ที่ฉีดมีความชำนาญไม่มากพอ โดยบริเวณนี้เป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดเชื่อมไปยังดวงตาได้โดยตรง และต้องใช้ฟิลเลอร์ค่อนข้างมาก ผสมผสานกับการฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้องจากแพทย์ที่ชำนาญการฉีดฟิลเลอร์ในจุดนี้โดยตรง อย่างไรก็ดีหากเกิดการอุดตันในเส้นเลือด แพทย์ที่มีประสบการณ์จะสามารถแก้ไขได้ด้วยเทคนิคการฉีดสลายฟิลเลอร์ ซึ่งอาการเหล่านี้จะกลับมาเป็นปกติได้ภายใน 14 วัน โดยไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณีเนื้อตาย หรือกรณีตาบอด จึงอาจกล่าวได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก หากทำกับหมอที่ชำนาญและมีประสบการณ์ คนไข้จะปลอดภัยอย่างแน่นอน
ข้อต้องระวังของการฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผาก
คนไข้ต้องตระหนักว่าฟิลเลอร์หน้าผากไม่สามารถอยู่ได้ถาวร แต่จะสลายไปเองตามธรรมชาติ ซึ่งการฉีดหนึ่งครั้งไม่ควรใช้ฟิลเลอร์หน้าผากมากเกิน 5 ซีซี ที่สำคัญคนไข้จะต้องฉีดด้วยฟิลเลอร์แท้เท่านั้นเพื่อความปลอดภัย และต้องเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
คนไข้ควรเลือกหาคลินิกสำหรับฉีดฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ได้รับการรับรองโดยกระทรวงสาธารณสุข พร้อมๆ กับพิจารณารีวิวจากผู้ใช้บริการจริง และที่สำคัญจะต้องงดยาแอสไพริน วิตามินต่างๆ รวมไปถึงแอลกอฮอล์และยาทาที่ผลัดเซลล์ผิวก่อนจะฉีดฟิลเลอร์ สำหรับกรณีหลังจากฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผาก อาจพบว่ามีอาการบวมแดงหรือช้ำ มีรอยเข็มได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ อาการเหล่านี้จะดีขึ้นใน 3 วัน
ประโยชน์ของการฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผาก
หลายคนอาจสงสัยว่าประโยชน์ของการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากนั้นมีเรื่องใดบ้าง คำตอบก็คือการฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผากจะช่วยในการเสริมหน้าผากให้โหนกนูนและเต่งตึงกว่าเดิม แก้ไขริ้วรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผากให้กลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง หรือในบางรายที่หน้าผากบุ๋ม หน้าผากแบนหรือยุบ การฉีดฟิลเลอร์ก็ช่วยให้หน้าผากดูโหนกนูน สวยงามและน่ามองกว่าเดิม พร้อมแก้ไขรอยแผลเป็น รอยแตกบนหน้าผากได้อย่างชัดเจน
อาหารที่ห้ามรับประทานในช่วง 14 วันหลังฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผาก
คนไข้ต้องงดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เนื่องจากทำให้เกิดอาการบวม อักเสบ เมื่อดื่มไปแล้วจะทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัว เลือดสูบฉีดมากกว่าเดิม อาการบวมเข็มหายช้า นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการนั่งหน้าเตาร้อนๆ เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วกว่าเดิม
บทสรุป
จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการฉีดฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะช่วยเสริมสร้างบุคลิกและใบหน้าให้ดูโดดเด่นและงดงามกว่าเดิม ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ เต่งตึง เติมเต็มความมั่นใจจนคุณรู้สึกได้ทันทีถึงความเปลี่ยนแปลงหลังจากฉีดฟิลเลอร์เลยทีเดียว