หากว่าเอ่ยถึงการฉีดฟิลเลอร์ ทุกคนต่างก็รู้กันดีอยู่แล้วว่านี่คือตัวช่วยในการเติมเต็มความงามของคุณให้สวยสมบูรณ์แบบ เป็นการฉีดเพื่อลดริ้วรอย แก้ไขปัญหาบนใบหน้าและร่องแก้ม นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้ผิวหน้าเรียบ อิ่มฟูและเต่งตึงกว่าเดิม นอกจากนี้ยังใช้ในการฉีดที่บริเวณเรียวปากเพื่อให้เรียวปากอวบอิ่มกว่าเดิม ซึ่งการทำความรู้จักกับฟิลเลอร์อย่างละเอียดถี่ถ้วน จะทำให้คุณรู้ว่าฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดีที่สุด รวมถึงเรื่องน่ารู้ต่างๆ เกี่ยวกับฟิลเลอร์
อะไรคือสารเติมเต็มในฟิลเลอร์
Hyaluronic Acid สำหรับสารเติมเต็มชนิดแรกที่นิยมใช้ในการฉีดผิวได้แก่สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในกลุ่มสารฟิลเลอร์แบบชั่วคราว โดยร่างกายสามารถย่อยสลายได้เอง ซึ่งสารชนิดนี้จะจับตัวกับน้ำและพองขึ้นจนกระทั่งกลายเป็นเจล ความโดดเด่นของ Hyaluronic Acid (HA) คือทำให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น เต่งตึง และอยู่ในผิวได้นานตั้งแต่ 6 -24 เดือน
Poly-L-lactic acid (PLLA) สำหรับสารเติมเต็มชนิดต่อไปได้แก่ Poly-L-lactic acid ซึ่งสารเติมเต็มชนิดนี้อยู่ในกลุ่มฟิลเลอร์กึ่งถาวรนั่นเอง จุดเด่นคือการย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ทว่าไม่สามารถย่อยได้จนหมด 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสิ่งที่ต้องระมัดระวังคือสาร Poly-L-lactic acid สามารถอยู่ได้นานมากถึง 5 ปี และสารชนิดนี้มักใช้ในการแพทย์ ยกตัวอย่างเช่นไหมละลาย หรือตะปูเกลียวสำหรับยึดกระดูก
Calcium Hydroxyapatite สารเติมเต็ม Calcium Hydroxyapatite เป็นฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร สามารถละลายได้บางส่วน ทว่าบางส่วนก็ยังคงตกค้างอยู่ใต้ชั้นผิวด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากว่าปล่อยทิ้งเอาไว้นานหลายปีก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้อีกด้วย และต้องให้แพทย์ขูดออก โดยสารนี้ยังมีการนำมาเติมเต็มหน้าอกและสะโพกอีกด้วย
Polyalkylimide สารเติมเต็ม Polyalkylimide คือพลาสติกแบบสังเคราะห์ จัดว่าเป็นสารเติมเต็มที่อยู่ในกลุ่มฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรและมักจะใช้กับรอยย่นลึก ไม่ว่าจะเป็นรอยแผลเป็นหรือร่องจมูก สามารถสลายได้ด้วยการขูดออก ไม่สามารถใช้ยาฉีดสำหรับสลายฟิลเลอร์ได้
Polymethyl-methacrylate microspheres (PMMA) สารเติมเต็มชนิดนี้คือ Polymethyl-methacrylate microspheres (PMMA) เป็นฟิลเลอร์แบบถาวรและย่อยสลายไปตามธรรมชาติไม่ได้ มีลักษณะเป็นเม็ดกลมเรียบที่ขนาดเล็ก ใช้ในการผลิตวัสดุเครื่องมือการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นเลนส์แก้วตาเทียมและอื่นๆ
เนื้อฟิลเลอร์มีกี่แบบ
สำหรับเนื้อฟิลเลอร์โดยทั่วไปแล้วจะมีลักษณะแตกต่างกันออกไป โดยเนื้อฟิลเลอร์แต่ละรุ่นและแต่ละยี่ห้อการผลิตจะแตกต่างกัน ทำให้คุณสมบัติทางกายภาพมีความแตกต่างกัน ซึ่งเนื้อฟิลเลอร์สามารถแบ่งได้ 3 กลุ่มดังต่อไปนี้
1.ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง
สำหรับฟิลเลอร์เนื้อแข็งจะมีลักษณะเนื้อเจลซึ่งมีความเป็นกลุ่มเป็นก้อนมากกว่าฟิลเลอร์เนื้อชนิดอื่นๆ หากว่าบีบออกมาแล้วก็จะเห็นเป็นเส้นได้อย่างชัดเจน เนื้อฟิลเลอร์มีความแข็งแรง คงตัวได้เป็นอย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจเลยหากว่าจะใช้ยกผิวในชั้นกระดูกได้
2.ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม
สำหรับฟิลเลอร์เนื้อนิ่มมีลักษณะเป็นเนื้อเจลคล้ายเยลลี่ เนื้อค่อนข้างนุ่ม ไม่เป็นก้อนและไม่เหลวจนเป็นน้ำ อย่างไรก็ดีฟิลเลอร์เนื้อนิ่มเหมาะกับการฉีดในชั้นไขมันมากที่สุด
3.ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด
สำหรับฟิลเลอร์เนื้อละเอียดนั้นจะมีลักษณะเป็นเนื้อเจล มีความบางเบาราวกับน้ำ ในขณะที่เนื้อจะเหลวมากกว่าฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการฉีดในผิวชั้นที่ตื้น หรือการเก็บรายละเอียดเล็กๆ มากกว่าการฉีดในระดับยกโครงสร้างชั้นผิว โดยการฉีดฟิลเลอร์เนื้อนิ่มจะช่วยให้ผิวลดความแห้งกร้าน เติมเต็มความชุ่มชื้นได้
บริเวณใดที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้
หลายคนอาจจะสงสัยใช่หรือไม่ว่าบริเวณใดที่ฉีดฟิลเลอร์ได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั้นฟิลเลอร์เหมาะสมกับการฉีดบนใบหน้า ซึ่งในจุดที่เหมาะสมได้แก่บริเวณใต้ตา ปาก ร่องแก้ม คาง จมูก ขมับ หน้าผาก รวมถึงฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งฟิลเลอร์เมื่อฉีดแล้วจะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนทันที และเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างไปหลังจากผ่านไป 7-14 วัน การฉีดฟิลเลอร์มีข้อดีคือสารไฮยาลูรอนิคแอซิดจะสามารถสลายได้ตามธรรมชาติโดยไม่ทิ้งสารตกค้างเอาไว้ในร่างกาย
ฟิลเลอร์ใต้ดวงตา สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ดวงตาจะช่วยในการแก้ไขปัญหาริ้วรอยบริเวณใต้ตา ตาลึกโหล ขอบตาคล้ำ ถุงใต้ตา โดยหลังจากที่ฉีดแล้วผิวใต้ตาจะดูอ่อนเยาว์ เนียนนุ่มและชุ่มชื่น ดูเต่งตึงมากกว่าเดิม นอกจากนี้ยังสามารถแก้ไขปัญหาใต้ตายุบตัวอันมีสาเหตุมาจากกระดูกและเนื้อได้อีกด้วย ซึ่งการเติมฟิลเลอร์ใต้ตาจะมีการใช้สารเติมเต็มประเภทกรดไฮยาลูรอนิคประมาณ 1-2 ซีซี เท่านั้น ซึ่งการจะเติมในปริมาณกี่ซีซีก็ขึ้นอยู่กับปัญหาใต้ตาของคนไข้โดยเฉพาะ ดังนั้นก่อนจะรับการฉีดใต้ตาควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์ทำการประเมินและวิคราะห์ปัญหาโดยละเอียดเสียก่อน
ฟิลเลอร์ปาก สำหรับฟิลเลอร์ปากจะแก้ไขปัญหาเรียวปากที่มีริ้วรอย ปากบาง แห้ง คล้ำ ตกร่อง รวมไปถึงมุมปากตก ซึ่งฟิลเลอร์ปากจะช่วยในการเติมเต็มร่องปากให้ชุ่มชื่นกว่าเดิม ดูอวบอิ่ม นอกจากนี้การฉีดปากยังสามารถปรับโครงสร้างปากให้มีรูปทรงที่งดงามได้อีกด้วย ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากคือการใช้สารเติมเต็มกรดไฮยาลูรอนิคประมาณ 1 ซีซีหรือไม่เกิน 2 ซีซี ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์
ฟิลเลอร์คาง การฉีดฟิลเลอร์คางจะแก้ไขปัญหาคางสั้น คางเบี้ยว หรือคางไม่เท่ากันได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์คางยังช่วยในการปรับรูปหน้าให้มีมิติและสมมาตรกว่าเดิม ดูเรียวสวยโดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอ อย่างไรก็ดีการฉีดฟิลเลอร์คางจะใช้สารเติมเต็มกรดไฮยาลูรอนิค และแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาถึงปริมาณของฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป อายุของฟิลเลอร์คางอยู่ได้ราวๆ 1-2 ปี ต่อการฉีดหนึ่งครั้ง หากไม่ได้ฉีดเพิ่มเติมเนื้อฟิลเลอร์จะสลายไปได้เอง
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะช่วยแก้ไขปัญหายุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตา และการยุบตัวของกระดูกที่บริเวณร่องแก้ม สิ่งเหล่านี้มาจากอายุที่มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยแก้ไขปัญหาร่องแก้มลึกโดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด รวมถึงการแก้ไขปัญหาผิวแห้งที่สามารถเห็นผลได้ในทันที โดยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะเน้นไปที่การใช้สารเติมเต็มประเภทกรดไฮยาลูรอนิคประมาณ 2 CC หรือมากกว่า ตามแต่ปัญหาของแต่ละบุคคล ซึ่งฟิลเลอร์ร่องแก้มสามารถอยู่ได้ราว 18 เดือน ตามแต่ยี่ห้อและรุ่นที่เลือกนั่นเอง
ฟิลเลอร์จมูก สำหรับการฉีดฟิลเลอร์จมูก เป็นอีกหนึ่งการฉีดฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่ง ฟิลเลอร์จะช่วยในการเติมความคมของสันจมูก หรือปลายจมูก โดยการฉีดฟิลเลอร์จมูกจะเน้นไปที่การใช้สารเติมเต็มไฮยาลูรอนิค แอซิดซึ่งอยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน ซึ่งปัจจุบันนี้การฉีดฟิลเลอร์ที่จมูกยังไม่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทยแต่อย่างใด นอกจากนี้ฟิลเลอร์จมูกยังไม่เหมาะกับคนที่วางแผนเอาไว้ว่าจะเสริมจมูกในอนาคต เนื่องจากฟิลเลอร์อาจทำให้การยึดเกาะของซิลิโคนแท่งไม่ดีเท่าที่ควร ในบางกรณีที่เคยฉีดจมูกแล้วอยากเสริมจมูกด้วยซิลิโคนจะต้องทำการขูดฟิลเลอร์ที่กระดูกจมูกตามแนวที่วางซิลิโคนออกไปเสียก่อนเพื่อให้การยึดเกาะซิลิโคนของจมูกทำได้ดีกว่าเดิม
ฟิลเลอร์ขมับ การฉีดฟิลเลอร์ขมับจะช่วยแก้ไขใบหน้าให้ดูงดงามอย่างสมดุลและได้สัดส่วนมากกว่าเดิม เติมเต็มขมับที่ตอบหรือขมับที่ลึกโดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ซึ่งฟิลเลอร์ขมับเองยังช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยบริเวณหางตาให้ตื้นขึ้นและชุ่มชื้นขึ้น ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ขมับจะใช้กรดไฮยาลูรอนิคเป็นสารเติมเต็ม ซึ่งแพทย์จะพิจารณาปริมาณของซีซีตามแต่ปัญหาของคนไข้แต่ละคน
ฟิลเลอร์หน้าผาก การฟิลเลอร์หน้าผาก จะช่วยในการแก้ไขปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากยุบ มีร่องลึกหรือรอยบุ๋มที่บริเวณหน้าผากให้นูนกว่าเดิม ซึ่งฟิลเลอร์หน้าผากจะช่วยในการแก้ไขปัญหาริ้วรอยย่นอันมาจากอายุที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมนั่นเอง อย่างไรก็ดีหลังการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอาจมีอาการบวมมากกว่าปกติ แต่จะหายได้เองในเวลาราวๆ 7-14 วัน และฟิลเลอร์หน้าผากจะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นที่เลือกนั่นเอง
จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการศึกษาเรื่องฟิลเลอร์ให้ละเอียดถี่ถ้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม จะดีกว่าหรือไม่หากว่าคุณจะเลือกศึกษารายละเอียดว่าฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดีที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ออกมาน่าพึงพอใจ