หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ เรามีข้อมูลดีๆ มาฝาก
หากว่าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังประสบปัญหาใต้ตาคล้ำ ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจหรือกังวล และต้องการแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำของตนเองอย่างยั่งยืน การฉีดใต้ตาคล้ำถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งเรื่องราวที่ควรรู้เกี่ยวกับปัญหาใต้ตาคล้ำและการฉีดใต้ตาคล้ำ มีเรื่องใดบ้าง มาดูพร้อมกัน
ปัจจัยที่ทำให้ขอบตาคล้ำ
1.อายุมาก เมื่ออายุมากขึ้นไขมันที่มีอยู่ในร่างกายจะเริ่มฝ่อลงไปตามวัย โดยไขมันที่อยู่ระหว่างกล้ามเนื้อรอบดวงตาและผิวหนังเองก็ฝ่อเช่นกัน เมื่อไขมันฝ่อลง ผิวที่อยู่บริเวณรอบดวงตาก็คล้ำลงไปมากกว่าเดิม เนื่องจากมองเห็นกล้ามเนื้อตาที่มีสีโทนสีแดงและน้ำตาลที่ชัดเจนมากกว่าปกติ นอกจากนี้ เมื่ออายุมากขึ้นกระดูกและไขมันก็ยุบตัวง่ายขึ้น ส่งผลให้เกิดถุงใต้ตา ร่องตาลึก มองเห็นใต้ตาที่ดำคล้ำมากกว่าเดิม
2.พันธุกรรม ปัญหาขอบตาคล้ำบ่อยครั้งเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง เช่น บางคนที่พ่อแม่หรือพี่น้องมีขอบตาคล้ำ ก็ย่อมส่งผลให้คุณมีสีผิวใต้ตาที่เข้มมากกว่าปกติ ที่สำคัญเชื้อชาติก็ยังส่งผลให้ใต้ตาคล้ำได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ชาวตะวันออกกลาง ชาวอินเดียที่เบ้าตาลึก จะทำให้ตาคล้ำกว่าชนชาติอื่น
3.ถุงใต้ตา ปัญหาถุงใต้ตามีส่วนสำคัญที่ทำให้ใต้ตาดำคล้ำได้ เนื่องมาจากการที่มีเส้นเลือดมาเลี้ยงบริเวณใต้ตา และทำให้เห็นเป็นเงาของเส้นเลือด ที่สำคัญถุงไขมันที่นูนออกมายังทำให้เกิดเงาที่บริเวณใต้ตา บางคนมองเห็นเป็นร่องและรอยคล้ำ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนี้สามารถผ่าตัดแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
4.โรคประจำตัว โรคภูมิแพ้ถือเป็นโรคประจำตัวที่ทำให้เส้นเลือดดำรอบๆ ดวงตาขยายมากกว่าปกติ โดยโรคภูมิแพ้ทำให้เกิดการคันตา ระคายเคืองที่บริเวณดวงตา จนต้องขยี้ตา ซึ่งการขยี้ตาเป็นการรบกวนผิวรอบดวงตา และยังกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีในผิวสร้างเม็ดสีคล้ำบริเวณรอบดวงตามากกว่าเดิม
5.แสงอาทิตย์ หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าผิวบริเวณใต้ตามีความบอบบางอย่างมาก ยิ่งหากว่าใครที่โดนแสงแดดรบกวนบ่อย ยิ่งทำให้ผิวใต้ตาบางลงกว่าเดิม ทำให้มองเห็นเส้นเลือดดำชัดเจนกว่าเดิม ที่สำคัญการที่ผิวโดนรังสียูวีบ่อยๆ ยิ่งไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิวมากขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้ผิวที่บอบบางบริเวณใต้ตาหมองคล้ำนั่นเอง
6.ปัจจัยอื่นๆ การพักผ่อนน้อย การเกิดความเครียดและการใช้สายตามากเกินไป จะทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดรอยหมองคล้ำที่บริเวณใต้ตาขึ้น ดังนั้นหากว่าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่อยากบอกลาตาแพนด้า แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการนอนดึก การพักผ่อนน้อย การดูซีรีย์หรือการใช้สายตามากเกินไป
ขอบตาดําจากโรคภูมิแพ้ คืออะไร
สำหรับโรคขอบตาดำจากภูมิแพ้เรียกอีกชื่อว่า Allergic shiner คือการที่ร่างกายปล่อยสารต่อต้านภูมิแพ้ เพราะได้รับสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ หรือที่รู้จักกันว่าสารฮิสตามีน สารนี้จะไปกระตุ้นหลอดเลือดรอบดวงตาให้ขยายตัว ส่งผลให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงที่บริเวณต่างๆ มากยิ่งขึ้น จนทำให้ผิวรอบดวงตาสีคล้ำกว่าเดิม ที่สำคัญสารฮิสตามีนยังไปกระตุ้นเม็ดสีเมลานินให้ผลิตออกมามากกว่าเดิม รอบดวงตาจึงคล้ำมากขึ้น
สารก่อภูมิแพ้ที่อาจกระตุ้นให้เกิดขอบตาดำ
1.เกสรดอกไม้ เกสรดอกไม้ที่ไปกระตุ้นให้ขอบตาคล้ำมักจะเกิดตามฤดูกาล เช่น ฤดูแล้งที่อากาศแห้ง ซึ่งละอองดอกไม้จะทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวและดวงตา ส่งผลให้เกิดรอยคล้ำที่บริเวณใต้ตา และอาการอาจจะแย่ลงในช่วงที่มีละอองดอกไม้มาก
2.ไรฝุ่น สำหรับสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กๆ เหล่านี้จะอยู่กันอย่างชุกชุมในบ้าน และเป็นสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้แบบง่ายดายนั่นเอง
3.รังแคสัตว์เลี้ยง เพราะสัตว์เลี้ยงคือแหล่งที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ รังแคจากแมว สุนัข รวมถึงสัตว์ที่มีขนชนิดอื่นๆ กระตุ้นการแพ้ได้แบบง่ายดายและส่งผลต่อผิวหนังรอบดวงตา ทั้งอาการคันตา น้ำตาไหล ตาบวมและขอบตาดำ
4.เชื้อรา การที่ไปสัมผัสกับสปอร์ของเชื้อรา โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ชื้น นำไปสู่อาการแพ้ก็ดี การเกิดรอยคล้ำใต้ตาก็ดี
วิธีการลดปัญหาใต้ตาคล้ำ ด้วยวิธีอื่นๆ
สำหรับใครที่ใช้วิธีการทางธรรมชาติแล้วแต่ไม่เห็นผล สามารถใช้วิธีอื่นๆ ได้ดังต่อไปนี้
1.บำรุงผิวรอบดวงตาด้วยอายครีม
ผิวรอบดวงตาคล้ำ อาจมีสาเหตุมาจากริ้วรอยรอบดวงตา และมีปริมาณไขมันที่ลดลงทำให้ผิวแห้ง การทาอายครีมรอบดวงตาจึงสำคัญอย่างยิ่ง เหมาะสมกับคนที่มีผิวใต้ตาคล้ำ โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของวิตามินซี เรตินอล พร้อมไฮโดรควิโนน จึงช่วยลดเลือนรอยหมองคล้ำรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี
2.ทรีทเมนท์ยกกระชับ
การทำทรีทเมนต์ยกกระชับเพื่อลดเลือนถุงใต้ตาและลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา จะช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวรอบดวงตาเต่งตึงและกระชับในระยะยาว ซึ่งแพทย์จะใช้หัวทิปขนาดเล็กพิเศษสำหรับเปลือกตาบนและใต้ตาโดยเฉพาะ หลักการของการทำทรีทเมนท์ยกกระชับทำได้ง่ายดายนั่นก็คือการทำให้ถุงไขมันใต้ตาหดตัว พร้อมๆ กับการคลายผิวหนังที่ชั้นบนอันเป็นรอยย่นออก ทำให้ผิวหนังใต้ตาเรียบเนียนกว่าเดิม
3.ทำเลเซอร์
เลเซอร์คือเทคโนโลยีที่ช่วยลดความหมองคล้ำใต้ตาเป็นอย่างดี ทำให้ผิวใต้ตาดูตื้นขึ้นและยังช่วยในการลดริ้วรอยหมองคล้ำรอบดวงตา เพราะว่าเลเซอร์คือการแก้ไขปัญหาเม็ดสีที่ผิดปกติ ทำให้ใต้ตาสว่างกว่าเดิม ซึ่งเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันคือ Picosecond Laser ซึ่งหลังจากที่ทำต้องดูแลตนเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะคนไข้จะต้องเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งอย่างน้อย 3 เดือนจนถึง 6 เดือน จึงเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ
4.ฉีดเมโส ลดขอบตาดำ
สำหรับการฉีดเมโสถือเป็นการทำทรีตเมนต์อีกแบบหนึ่ง ที่แพทย์จะมีการนำเอาตัวยาที่ผสมสารบำรุงผิวและวิตามินต่างๆ เข้าไปสู่ชั้นผิวกลางเพื่อแก้ไขปัญหาโดยตรง เห็นผลได้อย่างรวดเร็วและชัดเจนกว่าการทาครีมทั่วๆ ไป ทำให้ขอบตาดำกลับมาสว่างกระจ่างใสกว่าเก่า ผิวแข็งแรงกว่าเดิม
5.เติมฟิลเลอร์หรือฉีดใต้ตาคล้ำ
ฟิลเลอร์คือสารเติมเต็มผิวในบริเวณที่พร่องไขมัน หรือบริเวณที่มีริ้วรอยร่องลึก ซึ่งฟิลเลอร์สามารถนำมาฉีดเติมเต็มบริเวณผิวใต้ตา เพื่อให้ใต้ตาดูตื้นขึ้น ดูอ่อนกว่าวัยและไม่อิดโรย ผิวใต้ตาจึงดูกระชับกว่าเดิมและเรียบเนียนกว่าเดิม อย่างไรก็ดีฟิลเลอร์คือสารที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์และสลายตัวได้เอง จึงจัดได้ว่ามีความปลอดภัยสูง เหมาะสมกับคนที่ต้องการฉีดใต้ตาคล้ำอย่างปลอดภัย
สำหรับใครที่ต้องการปกปิดขอบตาดำแบบเร่งด่วนหรือต้องออกงาน ก็สามารถใช้การเมคอัพปกปิดไปก่อนได้ โดยใช้คอนซีลเลอร์สีที่เหมาะกับผิวของคนพร้อมลงแป้งและรองพื้นทับไปให้เนียนซ้ำ ผิวจะสวยเป็นธรรมชาติ ออกงานได้แบบมั่นใจ แต่หากว่าต้องการรักษาถาวร อาจต้องพิจารณาการรักษาทางการแพทย์ เช่นการฉีดใต้ตาคล้ำ หรือรักษาแบบอื่นๆ ซึ่งสามารถพิจารณาวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับคุณเองมากที่สุด