การเติมใต้ตาถือได้รับความนิยมอย่างยิ่งในปัจจุบัน เพราะดวงตาคือหน้าต่างของใบหน้า เมื่อใครสักคนพินิจใบหน้าของคุณ นั่นก็หมายความว่าเขากำลังพินิจดวงตาของคุณอยู่ หากว่าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่อยากปรับปรุงเปลี่ยนแปลง และอัพลุคใบหน้าของตนเองให้สวยได้อย่างที่ใจปรารถนา พร้อมแล้วมาดูกันว่าข้อควรรู้กับการเติมใต้ตามีอะไรบ้างและควรเติมใต้ตา ที่ไหนดี
ปัญหาใต้ตาแบบไหนบ้าง ที่พบได้บ่อย
1.ถุงใต้ตา เมื่ออายุเพิ่มขึ้น เนื้อเยื่อรอบดวงตาจะมีความอ่อนแอลง กล้ามเนื้อที่พยุงเปลือกตาล่างอ่อนแอลง ส่งผลให้ไขมันด้านในไหลออกมาที่ผิวด้านนอกและเห็นเป็นถุงใต้ตาที่ดูบวม เมื่อมีถุงใต้ตา ย่อมทำให้ผิวหนังบริเวณใต้ตาหย่อนคล้อย มีริ้วรอยอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนแอและอ่อนล้า ไม่สดใส และแก่กว่าวัย ซึ่งถุงใต้ตาสามารถพบได้ทั้งในเด็กและในผู้ใหญ่ ถุงใต้ตาเกิดจากความผิดปกติของระบบไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง ทำให้ไขมันและของเหลวบริเวณผิวหนังใต้ตาบวมและนูนออกมา บางคนร้องไห้บ่อย พักผ่อนไม่พอ หรือใช้สายตามากเกินไป แพ้สารต่างๆ จนติดเชื้อ เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดปัญหาถุงใต้ตาได้ทั้งสิ้น ทางแก้คือการเติมใต้ตา
2.ใต้ตาลึก ใต้ตาลึกคือการที่ใต้ตาของคุณลึกจนมองเห็นขอบกระดูกใต้ตาได้อย่างชัดเจนและมีสีคล้ำกว่าผิวตรงส่วนอื่น ซึ่งบริเวณใต้ดวงตาจะมองเห็นเป็นร่องลึก และเห็นกระดูกเบ้าตาล่างอย่างชัดเจน บางคนจึงเรียกว่าร่องน้ำตาหรือร่องใต้ตา ปกติแล้วร่องใต้ตาปกติจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติเนื่องจากมีเอ็นยึดระว่างผิวหนังใต้ตากับขอบกระดูกกระบอกตาด้านล่าง แต่เหตุผลที่ร่องดังกล่าวชัดเจนกว่าเดิมก็เนื่องมาจากว่าไขมันใต้ตาบริเวณร่องน้ำตานูนออกมา พร้อมๆ กับโครงหน้าที่กระดูกโหนกแก้มแบนเข้าไป จนส่งผลให้เห็นร่องชัด ใครที่ใต้ตาลึกจะมีใบหน้าที่อ่อนล้าและอิดโรย มีอายุมากกว่าวัย ทำให้ขาดความมั่นใจและมีบุคลิกที่ไม่ดี สามารถเติมใต้ตาเพื่อให้ใต้ตาตื้นขึ้น
3.ใต้ตาคล้ำ ใต้ตาดำคล้ำเกิดจากเส้นเลือดรอบดวงตาไหลเวียนไม่สะดวก ทำให้เส้นเลือดดำขยายตัว และเห็นเป็นรอยดำคล้ำใต้ตา อาจจะเกิดจากการอดนอน พักผ่อนไม่เพียงพอหรืออายุที่มากขึ้นก็ได้เช่นกัน เพราะเมื่ออายุมากขึ้น จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าผิวรอบดวงตาบางลง เห็นเป็นเส้นเลือดดำที่ชัดเจน นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนก็ยังทำให้เกิดใต้ตาดำได้ บางคนมีเม็ดสีสะสมบริเวณใต้ดวงตามากกว่าปกติ อาจจะเกิดจากการที่ผิวใต้ตาอักเสบ เช่นโรคภูมิแพ้ การแพ้สารสัมผัส เช่นอายแชโดว์ อายครีม หรือเกิดจากกรรมพันธุ์ก็ได้ การเติมใต้ตาจะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้
4.ริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยใต้ตาเกิดจากการที่ผิวสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสติน ส่งผลให้ผิวบางลงและขาดความยืดหยุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณหางตา เปลือกตาซึ่งจะมีรอยตีนกาและรอยเหี่ยวย่น นอกจากนี้เมื่อคนเราอายุมากขึ้น กระดูกใต้ตามีการยุบตัวลง เนื้อน้อยลง ทำให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อยและเป็นริ้วรอยที่บริเวณใต้ดวงตา ที่สำคัญยังอาจเกิดจากการที่ผิวขาดความชุ่มชื่น เพราะว่าใต้ตามีไขมันน้อย ผิวแห้งเกิดริ้วรอยได้แบบง่ายดาย บางคนก็อาจจะเกิดจากการที่ขยี้ตาหรือถูตาบ่อย การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอนั่นเอง
เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเติมใต้ตา ด้วยฟิลเลอร์
1.การเติมใต้ตาจะช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา
เมื่ออายุมากขึ้น หลายคนคงจะสังเกตใช่หรือไม่ว่าริ้วรอยรอบดวงตาและรอยเหี่ยวย่นเริ่มเพิ่มมากขึ้น อันเนื่องมาจากคอลลาเจนลดลง ส่งผลให้ผิวเกิดริ้วรอยได้อย่างง่ายดาย การฉีดสารไฮยาลูรอนิค แอซิดจะช่วยเติมเต็มริ้วรอย พร้อมกับการปรับผิวให้ดูอิ่มฟู ดูเรียบเนียนกว่าเดิม
2.การฉีดใต้ตาช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำ
ปัญหาใต้ตาคล้ำและขอบตาดำ เกิดได้จากการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ บางคนอาจจะเกิดจากพันธุกรรม ส่งผลให้ใบหน้าไม่สดใส ดูทรุดโทรม ซึ่งการฉีดสารเติมเต็มจะช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิวใต้ตาได้ ผิวใต้ตาจึงดูหมองคล้ำน้อยลงและดวงตาจะกลับมาดูสดใส
3.ทำให้ใต้ตาที่ลึกโหลกลับมาเต็มอิ่ม
ปัญหาของเบ้าตาลึกเกิดได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ การขาดวิตามิน การฉีดสารเติมเต็มซึ่งจะเข้าไปช่วยในการเติมพื้นที่ใต้ตาที่ยุบลงมาให้กลับมาอิ่มฟู และเมื่อใต้ตาดูตื้นขึ้น ดวงตาก็จะดูสดใสกว่าเดิม
4.แก้ไขปัญหาใต้ตาบวม หย่อนคล้อย
สำหรับปัญหาถุงใต้ตาเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกวัยและทุกคน ส่งผลให้ใบหน้าทรุดโทรม แก่กว่าวัย ไม่สดใส การฉีดสารเติมเต็มจะช่วยในการลดปัญหาใต้ตาบวม ถุงใต้ตาหย่อน ปรับผิวรอบดวงตาให้เนียนเรียบเสมอกัน
5.ปริมาณในการฉีดใต้ตา
ปกติแล้วการฉีดสารเติมเต็มบริเวณใต้ตาจะฉีดประมาณ 1-2 ซีซี โดยปริมาณอาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้ ซึ่งทางแพทย์เองก็จะเป็นผู้ประเมินจากสภาพปัญหาใต้ตา โดยแพทย์จะเน้นการเติมที่บริเวณใต้ตาให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด
6.ฉีดสารเติมเต็มใต้ตาเห็นผลในกี่วัน
การฉีดสารเติมเต็มใต้ตาสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และจะดีกว่าเดิมหลังจากที่ฉีดไปแล้วราวๆ 3-5 วัน นอกจากนี้จะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนที่สุดเมื่อประมาณสองสัปดาห์ขึ้นไป ทำให้ใต้ตาอิ่มและฟูกว่าเดิม โดยระยะเวลาของการคงอยู่ของฟิลเลอร์จะอยู่ได้ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและประเภทของสารเติมเต็มที่เลือกใช้ รวมถึงการดูแลตัวเอง
7.วิธีตรวจสารเติมเต็มของแท้
– กล่องบรรจุภัณฑ์ไม่มีการเปิดหรือแกะทุกด้าน ปิดสนิทอยู่เสมอ
– กล่องแท้จะมีฉลากภาษาไทยติดบนกล่องพร้อมกับการแจ้งราคา ล็อตการผลิต เลขที่อ้างอิง วันเดือนปีที่ผลิตและวันหมดอายุที่ชัดเจน
– สารเติมเต็มสลายได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตัวยาสลายชื่อว่า Hyaluronidase
– ตัวเข็มถูกปิดด้วยสปริงเกลียวเพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่เคยถูกใช้มาก่อน
– มีฉลากกำกับว่าเป็นยาควบคุมพิเศษ
– ด้านในและด้านนอกมีฉลากภาษาไทยที่แจ้งเอาไว้ตรงกัน
8.สารเติมเต็มใต้ตาอันตรายไหม
การฉีดสารเติมเต็มใต้ตาไม่เป็นอันตราย หากว่าใช้สารเติมเต็มที่เป็นของแท้ ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา เพราะสารเติมเต็มที่เป็นของแท้จะสามารถสลายไปได้เอง แต่ต้องเลือกฉีดกับแพทย์ที่ชำนาญ เพราะการฉีดใต้ตาเป็นการฉีดเฉพาะจุด และมีความเสี่ยงสูง รวมถึงสถานพยาบาลเองก็จะต้องสะอาด ปลอดภัยและได้มาตรฐาน สามารถตรวจสอบได้เป็นอย่างดี
9.ปัญหาการฉีดสารเติมเต็มของปลอม
หลายคนที่สนใจการฉีดสารเติมเต็มคงกำลังกังวลอยู่ใช่หรือไม่ว่าฉีดแล้วจะเกิดผลข้างเคียงใดหรือไม่ ซึ่งในความเป็นจริงนั้นการใช้สารเติมเต็มของปลอมจะมีลักษณะคล้ายๆ กับซิลิโคนเหลว เมื่อฉีดไปแล้วจะจับตัวเป็นก้อน ไม่สามารถสลายไปเองได้ บางครั้งแพทย์เลือกสารเติมเต็มไม่เหมาะกับบริเวณที่ฉีด เพราะในความเป็นจริงแล้วเนื้อของสารเติมเต็มมีหลายต่อหลายแบบด้วยกัน การฉีดสารเติมเต็มจึงต้องเลือกประเภทให้เหมาะกับจุดที่ต้องการฉีด อย่างไรก็ดีเทคนิคการฉีดของแพทย์เองก็มีความสำคัญ เนื่องจากว่าแพทย์ที่มีประสบการณ์จะมีเทคนิคการฉีดที่ไม่ส่งผลอันตรายต่อผู้ฉีด มีความละเอียดประณีตทุกขั้นตอน
สิ่งที่ต้องปฏิบัติหลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ผู้รับบริการบางรายอาจมีอาการบวมที่บริเวณใต้ตาในจุดที่ฉีด โดยอาการเหล่านี้จะหายไปเองใน 3 วัน นอกจากนี้แพทย์จะให้ยาแก้ปวดและยาลดอาการบวมมาให้ เมื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเรียบร้อยแล้ว ควรดูแลตัวเองดังนี้
– ไม่ควรขยับใบหน้ามากในช่วงเวลาสามวันหลังจากทำ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนจากเดิมได้
– ประคบน้ำเย็นบริเวณใต้ตาลดอาการบวมหลังจากฉีด
– ดื่มน้ำให้มากกว่าเดิม เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ใต้ตาได้ยาวนานขึ้น
– หลีกเลี่ยงไม่ให้ใต้ตาสัมผัสกับความร้อน เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์ละลายง่าย
– งดการทำเลเซอร์ที่ผิวหน้าอย่างน้อย 1 เดือน
– หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
สำหรับใครที่สนใจจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะดีกว่าหรือไม่หากว่าเราจะเลือกศึกษาข้อมูลว่าเติมใต้ตา ที่ไหนดีก่อนตัดสินใจ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั่นเอง