รวมเรื่องน่ารู้ของการผ่าตัดถุงใต้ตาและฉีดถุงใต้ตา
ถุงใต้ตาคือปัญหาที่หลายๆ คนต้องเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีอายุมากขึ้น ใต้ตาจะเริ่มหย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญยังทำให้ใบหน้าโดยรวมดูแก่กว่าวัยอีกด้วย หากว่าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังมองหาวิธีรักษาถุงใต้ตา โดยใช้เทคนิคทางการแพทย์ช่วย มาศึกษาไปพร้อมๆ กันดีกว่าหรือไม่ว่าเรื่องน่ารู้ของการผ่าตัดถุงใต้ตาและฉีดถุงใต้ตามีอะไรบ้าง
อะไรคือการผ่าตัดถุงใต้ตา
การผ่าตัดศัลยกรรมถุงใต้ตา เป็นการผ่าตัดตกแต่งบริเวณใต้ตา ทั้งการผ่าตัดถุงไขมันส่วนเกิน ผ่าตัดหนังตาล่าง และจัดเรียงถุงไขมันที่อยู่ใต้ตาให้สวยงาม ซึ่งการศัลยกรรมไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดย่อมมีความเสี่ยงไม่มากก็น้อย คนไข้ควรทำความเข้าใจกับการศัลยกรรมถุงใต้ตาให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจจะเป็นการดีที่สุด
เหตุผลที่ต้องศึกษาก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรม
ก่อนทำศัลยกรรมถุงใต้ตาจะต้องผ่านการตรวจจากแพทย์ที่ชำนาญการ เพื่อให้แพทย์เลือกวิธีผ่าตัดที่ถูกต้องและเหมาะสมมากที่สุดสำหรับคนไข้ อันจะทำให้ผลลัพธ์การผ่าตัดเป็นไปตามความต้องการของคนไข้ ทำให้การผ่าตัดปลอดภัยและไม่มีภาวะแทรกซ้อน หากไม่มีการวางแผนการรักษาที่ดี อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียง ส่งผลให้คนไข้รู้สึกผิดหวังที่การรักษาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เสียบุคลิกภาพและความมั่นใจ ส่งผลต่อสุขภาพดวงตา อาการตาแห้ง หรือเกิดเป็นแผลที่กระจกตา ในกรณีที่คนไข้ศึกษาหาข้อมูลก่อนการตัดสินใจศัลยกรรมถุงใต้ตา พร้อมให้แพทย์เลือกวิธีที่เหมาะกับตนเอง
1.ภาวะภูมิแพ้ของเยื่อบุตาด้านใน
หากว่าใครที่มีภาวะภูมิแพ้ของเยื่อบุตาด้านในทว่าไม่รักษาเอาไว้ก่อน หรือมีภาวะภูมิแพ้ที่รุนแรง แพทย์ก็จะไม่สามารถเลือกเป็นการผ่าตัดจากแผลด้านในได้ แต่จะต้องเลี่ยงมาใช้การผ่าตัดผ่านแผลด้านนอกไปแทน หรือจะรักษาภาวะภูมิแพ้ให้หาย หรือคุมอาการภูมิแพ้ให้ดีขึ้นกว่าเดิมก่อน แล้วค่อยมาพิจารณาผ่าตัดผ่านแผลด้านในภายหลัง
2.คุณภาพของหนังที่อยู่บริเวณใต้ตา
อย่างไรก็ดีสำหรับใครที่เข้ารับการผ่าตัดแล้วมีอายุมาก แพทย์มักตรวจพบว่าหนังตาที่เป็นส่วนผิวหนังที่บางที่สุดของร่างกายมีภาวะผิวแห้ง ซึ่งผิวหนังตาที่แห้งทำให้แพทย์ต้องเปลี่ยนแผนเป็นการผ่าตัดผ่านแผลด้านนอก ส่งผลให้แผลหายช้า นอกจากนี้เมื่อผิวแห้งยังทำให้คนไข้ต้องขยี้ตาบ่อย หรือรู้สึกคัน ทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นผิวคล้ำรอบดวงตา หรือปัญหาตาแพ้ง่าย เป็นต้น
3.ตำแหน่งคิ้วและหนังตาบน
สำหรับการผ่าตัดเก็บถุงใต้ตา หรือการตัดหนังใต้ตาควรให้ความสำคัญของตำแหน่งคิ้ว เพราะหากว่าคนไข้มีภาวะคิ้วตกหรือหนังตาบนตก แพทย์จะเก็บถุงใต้ตาให้เรียบแค่เพียงอย่างเดียว ทำให้รูปทรงของตาไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน หรือรูปทรงของตาไม่สอดคล้องกัน คนไข้อาจไม่พึงพอใจได้
4.ผิวหนังบริเวณขมับหย่อนคล้อยหรือไม่
หลายคนอาจไม่รู้ว่าแพทย์จะตรวจดูความหย่อนคล้อยของผิวหนังบริเวณขมับ ยิ่งหากว่าคนไข้มีความหย่อนคล้อยที่ขมับค่อนข้างมาก เวลาผ่าตัดถุงใต้ตาก็จะเลือกหนังที่หย่อนตรงขมับลงมากองที่บริเวณหางตา ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือแม้ผิวหนังที่ใต้ตาจะเรียบก็จริง แต่ด้านข้างตาก็ยังย่นจากบริเวณขมับที่หย่อนคล้อย ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่คนไข้ไม่พึงพอใจ ดังนั้นแพทย์จึงแนะนำให้ดึงหน้าหรือดึงขมับก่อน แล้วค่อยมาเก็บถุงใต้ตาและหนังตา
5.ความสูงของโหนกแก้ม
แพทย์จะมีการตรวจดูความโหนกนูนของกระดูกขอบตาล่างและโหนกแก้ม เพราะหากว่าใครที่มีขอบตาล่างหรือกระดูกตรงบริเวณใต้ตาแบนราบ จะมีโอกาสเกิดความเสี่ยงในการตาแหกหรือตาปลิ้นหลังจากผ่าตัดได้เช่นกัน นอกจากนี้การเก็บถุงหรือหนังใต้ตาอย่างเดียวในกลุ่มนี้จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจเท่าใด เพราะดวงตาแม้ว่าจะยังดูตึงอยู่ แต่ใต้ตาก็อาจจะลึกและโหลอยู่ดี
6.ความหย่อนของขอบหนังตาล่าง
แพทย์จะตรวจดูหนังตาล่างว่าหย่อนมากหรือน้อยแค่ไหน เพราะขอบหนังตาล่างเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกเทคนิคการผ่าตัด หากแพทย์ได้ประเมินแล้วว่าขอบหนังตาล่างหย่อนมาก ก็อาจทำให้เกิดอาการตาแหกหรือตาปลิ้นหลังจากผ่าตัดเก็บถุงใต้ตาด้วยเทคนิคปกติ ซึ่งหากว่าเป็นเคสแบบนี้แพทย์จะพิจารณาให้ผ่าตัดเพื่อขึงใต้ตาเพิ่มขึ้น เพื่อให้หนังตาล่างตึง ซึ่งการผ่าตัดจะเป็นการขึงขอบหนังตาล่างกับกระดูกขอบตาด้านหน้าเพื่อป้องกันการตาแหกหรือตาปลิ้น
แล้วก่อนจะฉีดถุงใต้ตาต้องรู้อะไรบ้าง
การฉีดถุงใต้ตาใต้ตามีเรื่องที่ควรรู้ดังต่อไปนี้
1.ปริมาณการฉีดถุงใต้ตา
โดยปกติแล้วการฉีดถุงใต้ตาจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ซีซี โดยแพทย์จะทำการประเมินจากปัญหาของแต่ละบุคคลว่ามากหรือน้อยเพียงใด การฉีดแต่ละครั้งควรใช้ปริมาณฟิลเลอร์อย่างพอดี เพราะการฉีดมากเกินไปจะทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังยืดออกมามากเกินไป แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและให้คำแนะนำถึงการฉีดฟิลเลอร์ ควรฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่ชำนาญ ลดการเกิดผลข้างเคียงที่ตามมาได้อย่างเห็นผล
2.จำนวนครั้งในการฉีดฟิลเลอร์
การฉีดถุงใต้ตาจะเห็นผลครั้งแรกที่ทำ และจะอยู่ได้นานมากถึง 2 ปีก่อนจะสลายไปตามธรรมชาติ โดยระยะเวลาในการคงอยู่ของร่างกายของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ทั้งสภาพของร่างกาย การดูแลตนเอง การใช้ชีวิตประจำวัน
3.ฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายหรือไม่
ฟิลเลอร์คือสารไฮยาลูรอนิกแอซิด โดยเป็นสารที่มีในเซลล์ผิวของมนุษย์ตามธรรมชาติ และมีอยู่ในร่างกายเป็นปกติอยู่แล้ว ทำให้เกิดความปลอดภัย ไม่เสี่ยงสำหรับการแพ้ ไม่ก่อให้เกิดอันตราย นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์ยังสลายตัวไปได้เอง เพียงเลือกคลินิกที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ในการฉีด ซึ่งกรณีที่มีการใช้สารแปลกปลอมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นซิลิโคนเหลว ฟิลเลอร์ปลอม หรือฉีดโดยหมอกระเป๋า อาจจะทำให้เกิดอันตรายและมีปัญหาตามมาในภายหลัง ทำให้แก้ไขได้ยากอีกด้วย
4.ฟิลเลอร์ใต้ตากับความหมองคล้ำ
เนื่องจากว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเป็นการฉีดสารไฮยาลูรอนิก แอซิด ซึ่งจะเติมเต็มความชุ่มชื่นและเป็นสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยลดความหมองคล้ำหรือเงาที่เกิดขึ้นบริเวณใต้ตา คืนความสดใสให้กับใบหน้าของคุณอย่างเห็นได้ชัดเจน
5.การทำตาไปพร้อมๆ กับการฉีดฟิลเลอร์
สำหรับใครที่อยากทำตาไปพร้อมๆ กับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถทำได้แต่ไม่ทุกกรณี ซึ่งจะทำได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล โดยจะต้องได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ที่ชำนาญเสียก่อน เพื่อประเมินปัจจัยทางสุขภาพ พร้อมๆ กับการประเมินความเสี่ยงในการทำตาและการฉีดฟิลเลอร์ไปพร้อมๆ กัน เพราะแพทย์บางท่านอาจจะให้ทำหัตถการอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน เพื่อลดความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
6.สิ่งที่พิจารณาเพิ่มเติม
สำหรับสิ่งที่ควรพิจารณาเพิ่มเติมได้แก่การฉีดสารเติมเต็มบริเวณร่องใต้ตาหรือแก้มบริเวณขอบตาล่าง เพื่อที่เมื่อผ่าตัดถุงใต้ตาออกแล้วจะมีความเรียบเนียนต่อผิวให้เป็นเนื้อเดียวกันระหว่างตาล่างกับแก้ม ไม่มีรอยต่อ ทำให้ดูอ่อนกว่าวัยอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งปกติแล้วสารเติมเต็มที่นิยมฉีดจะมีอยู่ 2 แบบ คือการฉีดฟิลเลอร์ และการเติมไขมันของตนเอง หรือที่เรียกกันว่าการฉีดไขมันหน้าเด็ก
สำหรับใครที่ต้องการลดอายุให้น้อยลงกว่าเดิม การเลือกวิธีฉีดฟิลเลอร์หรือผ่าตัดถุงใต้ตาถือเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรมองข้าม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนแต่เนิ่นๆ ว่าจะเลือกวิธีใดที่จะเหมาะสมกับตัวของคุณเองมากที่สุด