หากว่าเอ่ยถึงปัญหาที่ทำให้ใบหน้าของคุณแก่กว่าวัยมากที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นปัญหาร่องแก้ม ส่วนใหญ่แล้วเมื่อมีร่องแก้ม ทุกคนจะคาดเดาว่าอายุมากกว่าอายุจริง ซึ่งร่องแก้มที่ลึก จะเป็นตัวบอกใบ้อายุของหญิงสาวได้มากกว่าส่วนอื่นๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ร่องแก้มก็จะยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ดีด้วยปัญหาของการยุบตัวจากกระดูก การจะแก้ไขทำได้เพียงฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม โดยหญิงสาวที่มีร่องแก้มลึกมากเท่าใด ก็จะยิ่งทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งด้วยร่องแก้มลึกก็จะยิ่งทำให้แก้ไขได้ยากมากกว่าเดิม หากว่าคุณต้องการแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ แนะนำการฉีดฟิลเลอร์จะดีที่สุด
สาเหตุที่ทำให้เกิดร่องแก้ม
หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่านอกจากอายุซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดร่องแก้มแล้ว สาเหตุที่ทำให้เกิดร่องแก้มมีอะไรบ้าง มาดูพร้อมๆ กัน
1ความหย่อนคล้อยของผิว เพราะว่าคอลลาเจนและอิลาสตินที่อยู่ใต้ผิวหนังเสื่อมคุณภาพอันเนื่องมาจากวัยอันร่วงโรยไป โดยรอยเหี่ยวย่นที่แก้มจะมีลักษณะเป็นร่อง นอกจากนี้ยังมีเส้นยาวตั้งแต่ปีกจมูก โค้งลงไปจนถึงมุมปาก ทำให้คนที่มีร่องแก้มรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง
2.รังสียูวี สำหรับรังสียูวีนั้นจัดได้ว่าเป็นตัวการที่ทำให้เกิดร่องแก้มได้มาก เนื่องจากว่ารังสียูวีจากแสงแดดจะเป็นตัวการที่ทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวได้นั่นเอง
3.มีการแสดงความรู้สึกบนใบหน้า การยิ้ม การหัวเราะและการร้องไห้ ส่งผลให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าเคลื่อนไหวบ่อยกว่าเดิม และเกิดริ้วรอยเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
4.สูบบุหรี่ เนื่องจากการสูบบุหรี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดการทำลายโครงสร้างผิว ซึ่งแน่นอนเลยว่าจะส่งผลให้เกิดร่องแก้มลึกได้อย่างรวดเร็วเลยทีเดียว
การแก้ไขปัญหาร่องแก้ม
เพราะทุกคนต่างก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าปัญหาร่องแก้มเป็นปัญหาที่รบกวนจิตใจได้อย่างน่าอัศจรรย์ และยังทำให้สูญเสียความมั่นใจได้อีกด้วย การแก้ไขปัญหาร่องแก้มจึงจัดได้ว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และวิธีรักษาปัญหาร่องแก้มมีอะไรบ้าง มาไขข้อข้องใจไปพร้อมกัน
1.ทรีทเม้นท์หน้า สำหรับการยกกระชับผิวหน้าด้วยการทรีทเมนท์ จะทำให้ยกกล้ามเนื้อสำหรับใบหน้าให้ดูกระชับและเต่งตึง ซึ่งการทรีทเม้นท์ในปัจจุบันเองก็มีอยู่ในหลากหลายรูปแบบอีกด้วย
2.ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาได้ดีเช่นกัน เนื่องจากว่ากรดไฮยาลูรอนิกจะเข้าไปในผิวหนังที่เป็นริ้วรอย ทำให้ผิวดูเนียนเรียบและไม่มีริ้วรอยใดๆ ที่สำคัญหลังจากที่ฉีดเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะมีอาการบวม หรือตึง ซึ่งจะมาพร้อมกับอาการเขียวช้ำแค่เพียงสองวันเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นช่วงระยะเวลาที่น้อยมาก และสามารถหายได้เองในเวลาแค่สองสัปดาห์เท่านั้น อย่างไรก็ดี การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะสามารถอยู่ได้ในเวลาราวๆ สองปีจากนั้นต้องทำการเติมฟิลเลอร์ใหม่
3.ฉีดโบท็อกซ์ นอกจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้ว การฉีดโบท็อกซ์เองก็จะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้อีกเช่นกัน ซึ่งเมื่อกล้ามเนื้อคลายตัวก็จะทำให้แก้มกระชับ ทั้งยังลดเลือนริ้วรอยต่างๆ อย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญข้างแก้มหรือร่องแก้มของคุณจะดูเรียบเนียนกว่าเดิม อย่างไรก็ดีการฉีดโบท็อกซ์อาจไม่เหมาะกับร่องแก้มที่ลึกมาก เนื่องจากจะมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนแต่อย่างใด
4.ใช้ครีมลดเลือนร่องแก้ม สำหรับคนที่ไม่อยากศัลยกรรม อาจเลือกใช้ครีม เซรั่ม หรือโลชั่นสำหรับลดเลือนริ้วรอย ซึ่งจะช่วยให้การลดเลือนร่องแก้มเป็นไปได้อย่างง่ายดายมากกว่าเดิม ที่สำคัญยังช่วยยกกระชับผิวได้อย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย การใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับลดเลือนริ้วรอยสำหรับหญิงสาวที่อายุไม่เกิน 40 ปี ควรจะได้รับการดูแลด้วยครีมที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอน ซึ่งจะเติมความชุ่มชื่นของผิวได้อย่างชัดเจน โดยไฮยาลูรอนหนึ่งกรัมสามารถเก็บน้ำได้มากถึงหนึ่งลิตร โดยหลายๆ คนอาจไม่รู้ว่าเมื่ออายุเริ่มเพิ่มขึ้น ร่างกายจะไม่สามารถสร้างกรดไฮยาลูรอนนิก ส่งผลให้เกิดริ้วรอยลึกกว่าเดิม
การดูแลตัวเองเพื่อลดริ้วรอยร่องแก้ม
สำหรับการดูแลตัวเองเพื่อลดริ้วรอยร่องแก้มมีสิ่งใดบ้าง มาดูพร้อมกัน
1.เปลี่ยนท่านอน สำหรับการแก้ไขปัญหาเรื่องแรกได้แก่การเปลี่ยนท่านอนในตอนกลางคืน ซึ่งบางคนอาจจะเคยชินการนอนตะแคงไปด้านข้าง ทำให้แก้มถูกกดทับบ่อยมาก จนกระทั่งกลายเป็นร่องแก้มลึกก่อนวัยอันควร หากว่าคุณต้องการชะลอการเกิดร่องแก้ม แนะนำว่าให้นอนหงายจนติดเป็นนิสัย
2.เปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ จะทำให้ร่างกายนำสารอาหารไปใช้ได้อย่างเปี่ยมประสิทธิภาพ คุณควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อลดความเครียดที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังช่วยในการเสริมสร้างเซลล์ผิวได้ดีมาก คุณสามารถยืดอายุเซลล์ผิวได้ยาวนานกว่าเดิม และใช้ครีมกันแดดในระหว่างวัน เพื่อลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย พร้อมป้องกันไม่ให้รังสียูวีทำร้ายเซลล์ผิวของคุณได้มากขึ้นอีกด้วย
การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อรักษาร่องแก้มจำเป็นหรือไม่
หลายๆ คนอาจคิดว่าปัญหาร่องแก้มลึกไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์แต่อย่างใด ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มหรือโบท็อกซ์ถือเป็นสิ่งที่จะช่วยลดริ้วรอยร่องแก้มได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยควรทำควบคู่ไปกับการใช้ครีมลดเลือนริ้วรอย และดูแลผิวหน้าให้เหมาะกับสภาพผิว อีกทั้งยังควรเลือกเติมเต็มความชุ่มชื่นให้กับผิวด้วยการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1-2 ลิตร
ผลข้างเคียงที่พบจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
สำหรับฟิลเลอร์ร่องแก้ม แท้ที่จริงแล้วปราศจากอันตรายอย่างที่หลายๆ คนคิด อาจมีผลข้างเคียงบ้างดังต่อไปนี้ เช่น อาการบวม แดง หรือช้ำ บางครั้งอาจจะมีเลือดไหลเล็กน้อยจากรอยเข็มที่ฉีดฟิลเลอร์นั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีฟิลเลอร์ที่อุดตันเส้นเลือดที่เราเคยพบเห็นในข่าว มักเกิดจากการเลือกฉีดกับ “หมอกระเป๋า” หรือพนักงานคลินิกเสริมความงามที่ผันตัวมารับฉีดฟิลเลอร์เอง หากว่าใส่ใจเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ที่ชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์ เท่านี้คุณก็จะวางใจในการฉีดฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มได้อย่างแน่นอน
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะต้องมีการดูแลตนเองอย่างใส่ใจ ซึ่งคุณควรดูแลตัวเองหลังจากฉีดฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มมีดังต่อไปนี้
1.งดการดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้เลือดไหลเวียนมากกว่าปกติ ดังนั้นจะดีกว่าหรือไม่หากว่าคุณจะงดดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้ม
2.งดการกินของหมักของดอง เนื่องจากว่าของหมักของดองมีส่วนทำให้เลือดไหลเวียนอย่างรวดเร็ว เนื่องจากของหมักของดองประกอบด้วยโซเดียมจำนวนมากนั่นเอง
3.ไม่นอนตะแคงหลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ การนอนตะแคงอาจทำให้เกิดผลกระทบจากการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งจะดีกว่าหรือไม่หากว่าคุณจะเลือกใช้หมอนมาประกบที่ใบหน้าทั้งสองข้าง เพื่อป้องกันไม่ให้นอนตะแคงหรือเอียงหน้าในเวลากลางคืน
4.ลดการแคะ แกะ เกาบริเวณหน้า การฉีดฟิลเลอร์อาจทำให้หลายๆ คนกังวลถึงรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของใบหน้า ทำให้เผลอเอามือไปจับบ่อยๆ ที่บริเวณร่องแก้ม บางคนอาจแคะ แกะ เกา หรือคลึง ซึ่งอาจส่งผลเสีย และทำให้ประสิทธิภาพของการฉีดฟิลเลอร์ไม่ดีมากเท่าที่ควรอีกด้วย
และนี่ก็คือเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับปัญหาร่องแก้ม จะดีกว่าหรือไม่ หากว่าคุณจะเลือกแก้ไขปัญหาเหล่านี้ด้วยวิธีการดังที่เราแนะนำไปข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ รวมไปถึงการดูแลสุขภาพร่างกายตนเอง ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และที่สำคัญอย่าลืมเลือกครีมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยบริเวณใบหน้า