เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นสิ่งที่หลายคนกังวลอย่างมากเลยนั่นก็คือ ปัญหาริ้วรอยที่มายืนบนใบหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และด้วยการใช้ชีวิตในยุคนี้ที่ต้องเจอกับมลภาวะต่างๆมากมาย จึงทำให้เกิดความหย่อนคล้อยในที่สุด ซึ่งถ้าหากว่าไม่รีบดูแลหรือรักษาโดยด่วน ก็จะทำให้ใบหน้าดูแก่และหมองคล้ำไม่สดใสได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใครที่พบว่า มีถุงใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตาบวม ก็ไม่ควรปล่อยไว้นานจนสายเกินแก้ ต้องรีบทำการแก้ไขโดยด่วนซึ่งถ้าหากใช้วิธีดูแลผิวหน้าแบบธรรมชาติกว่าจะเห็นผลก็ใช้เวลานานเสียเหลือเกิน เพราะฉะนั้นแล้วจึงมีอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจและได้รับความนิยมอย่างมาก นั่นก็คือการ ฉีดถุงใต้ตา อีกหนึ่งเทรนด์ศัลยกรรมความงาม ที่ไม่ต้องเจ็บตัวมาก อีกทั้งเห็นผลในทันทีว่าริ้วรอยลึกบริเวณใต้ตาดูตื้นขึ้น มีความสดใส และดูเด็กลง
การฉีดถุงใต้ตา เป็นหัตถการความสวยความงามที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ทำให้มีแผลใหญ่ เพียงแค่รอยฉีดเข็มนิดเดียวเท่านั้น ดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจุดเด่นของการฉีดถุงใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตาบวมก็คือช่วยแก้ปัญหาเรื่องริ้วรอยลึกบริเวณถุงใต้ตา และความหมองคล้ำ ให้กลับมาสดใส ไม่มีความเหี่ยวย่น และไม่ต้องกังวลว่าจะเจ็บตัว เพราะนี่คือการเสริมความงามที่ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น ไม่ใช้เวลานาน เรียกได้ว่าหลังจากฉีดเสร็จแล้ว ถุงใต้ตาคล้ำและเหี่ยวที่มีอยู่จะหมดไป กลายเป็นความเต่งตึงเข้ามาแทนที่ สามารถโชว์ใบหน้าสวยๆได้ยาวนานถึง 6 เดือน – 1 ปีเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นการเสริมความที่คุ้มค่ามาก เจ็บตัวนิดเดียวเท่านั้น
การฉีดถุงใต้ตา มีขั้นตอนอย่างไรบ้างนะ
1.การเสริมความงามด้วยเทคนิคการฉีดบริเวณถุงใต้ตานั้น อันดับแรกจะต้องมีการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพราะถึงแม้ว่าจะมีปัญหาถุงใต้ตาที่คล้ำและหย่อนคล้อย แต่สภาพใบหน้าและผิวหน้าแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน ดังนั้นแล้วจึงต้องมีการตรวจประเมินล่วงหน้าเสียก่อน ว่าควรจะเติมสารฟิลเลอร์ที่ขาดไม่ได้เลยในการฉีดที่ถุงใต้ตาในบริเวณไหนบ้าง ควรใช้ปริมาณที่มาหรือน้อยเพียงใด ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติ สวยงาม และเข้ากับใบหน้ามากที่สุด
2.เมื่อประเมินจากแพทย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะมาถึงขั้นตอนการเตรียมใบหน้าให้พร้อมก่อนฉีด ซึ่งข้อนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักที่สำคัญมากเลยทีเดียว ที่จะต้องทำความสะอาดใบหน้าให้มั่นใจว่าไม่มีสิ่งสกปรกตกค้าง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วอาจทำให้เกิดปัญหาบริเวณรอบดวงตาได้ หลังจากที่ทำความสะดวกใบหน้าเสร็จ ก็จะต้องมีการทายาชาหรือยาระงับความรู้สึก เพื่อช่วยบรรเทาการปวดที่อาจเกิดขึ้นจากการ ฉีดถุงใต้ตา
3.เข้าสู่ขั้นตอนที่สำคัญสุดซึ่งต้องทำหัตถการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น นั่นก็คือการ ฉีดฟิลเลอร์ที่ถุงใต้ตา ซึ่งไม่ต้องมีความกังวลหรือตกใจ ควรจะทำใจให้สบายและร่างกายผ่อนคลาย เพราะจะเป็นผลดีต่อการฉีด ทั้งนี้โดยปกติแล้วจะใช้เวลาในการฉีดแต่ละเข็มไม่นาน ในระหว่างที่ฉีดบางครั้งก็จะมีการนวดในบริเวณนั้นไปด้วย เพื่อเป็นการผ่อนคลาย ช่วยบรรเทาความเจ็บปวด และเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ทำให้ฟิลเลอร์เข้าสู่ผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว
4.เมื่อทำการ ฉีดถุงใต้ตา เสร็จแล้วจะพบว่ายังมีรอยแดงๆบริเวณใต้ตา เหตุเพราะเกิดจากการฉีดด้วยเข็มจึงทำให้เกิดอาการบวมร่วมด้วยเล็กน้อย แต่ทั้งนี้ก็ไม่ต้องกังวลใจไปเพราะสามารถนำน้ำแข็งมาประคบเย็น เพื่อช่วยลดอาการบวมได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และเมื่อผ่านไป 1-2 วันใบหน้าก็จะหายจากรอยแดงและอาการบวมในที่สุด
สิ่งที่ควรเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ บริเวณถุงใต้ตา
1.ต้องงดการดื่มแอลกอฮอลล์ก่อนการฉีด 24 ชั่วโมง ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าสำคัญมากและต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดไม่อย่างนั้นแล้วจะมีผลต่อการฉีดได้ เนื่องจากแอลกอฮอลล์มีฤทธิ์ที่ทำให้เลือดแข็งตัวได้ยาก ส่งผลให้เกิดอาการช้ำบวมง่ายอีกทั้งยังทำให้แผลหายช้าอีกด้วย รู้อย่างนี้แล้วก็อดใจไว้ก่อน ให้เว้นระยะก่อนฉีดและหลังฉีดสัก 3-4 วันจึงค่อยดื่มก็ยังไม่สายนะ
2.สำหรับใครที่มักจะทานอาหารเสริมหรือยาบางประเภท เช่น ยาแอสไพริน ยาแก้ปวด เป็นต้น แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาประเภทนี้ก่อนมาฉีดที่ถุงใต้ตา ประมาณ 1 สัปดาห์ เนื่องจากว่ายากลุ่มนี้จะทำให้เลือดเกิดการแข็งตัวได้ง่ายเช่นเดียวกัน
3.ถ้าหากว่าคุณมีโรคประจำตัวหรือต้องรับประทานยาประเภทใดเป็นประจำ จะต้องแจ้งให้แพทย์เจ้าของเคสทราบก่อนทุกครั้ง เพื่อทำการประเมินว่าควรให้สั่งงดทานยาประจำไปก่อน หรืออาจมีการเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญเพราะยาประเภทใดก็ตามที่ทานเข้าไป ล้วนมีผลต่อร่างกายทั้งสิ้น
4.ใครที่ชอบรับประทานอาหารที่มีรสชาติเค็ม แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงก่อนฉีดสัก 2-3 วัน เนื่องจากรสชาติเค็มจะส่งผลต่อร่างกาย ให้เกิดอาการบวมน้ำและหายได้ช้า ดังนั้นแล้วให้งดทานอาหารเค็มไปก่อนแล้วหันมาทานอาหารที่มีรสจืด ไม่ปรุงแต่งรสชาติมากเกินไปจะดีที่สุด เปรียบเสมือนเป็นการทำความสะอาดร่างกายจากภายใน อันจะส่งผลให้อาการบวมช้ำหลังฉีดหายเร็วขึ้นอีกด้วย
ขั้นตอนการดูแลตัวเอง หลังจากฉีดฟิลเลอร์ บริเวณถุงใต้ตา
1.หลังจากฉีดฟิลเลอร์เสร็จแล้ว แน่นอนคุณจะรู้สึกและสังเหตุเห็นได้ชัดเลยว่ามีอาการบวมที่บริเวณรอบดวงตา ดังนั้นแล้วจึงควรทำให้ทุเลาลงด้วยการนำน้ำแข็งหรือผ้าเย็น มาประคบเบาๆที่บริเวณนั้นประมาณครั้งละ 10 นาที ในระยะเวลา 2 ชั่วโมงก็จะช่วยลดอาการบวมไปได้มากเลยทีเดียว
2.ให้งดการดื่มแอลกอฮอลล์หลังจากฉีดเสร็จเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพราะเครื่องดื่มประเภทนี้จะไปกระตุ้นให้ร่างกายและบริเวณแผลเกิดอาการบวมน้ำได้ง่าย ส่งผลให้แผลหายช้า ดังนั้นจึงควรยึดถือเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญด้วย
3.สิ่งที่ควรทำนั่นก็คือ การดื่มน้ำมากๆโดยค่อยๆจิบน้ำไปทีละนิดตลอดเวลาระหว่างวัน สาเหตุที่ต้องทำแบบนี้ก็เพื่อเป็นการชดเชยน้ำที่ร่างกายเสียไป อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับบริเวณรอบดวงตาอีกด้วย สังเกตุเห็นได้ง่ายเลยว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปนั้นจะดูอวบอิ่มและสดใสขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า
4.ถ้าหากรู้สึกปวดในบริเวณที่ฉีด สามารถทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล เพื่อบรรเทาอาการปวดได้ แต่ทั้งนี้ควรมีการปรึกษาหมอก่อนรับประทานยาชนิดใดๆด้วยทุกครั้ง
5.ข้อนี้เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากสำหรับสาวๆบางคน นั่นก็คือควรงดการแต่งหน้าและงดการใช้ครีมบำรุงผิวทุกชนิด เหตุเพราะผิวบริเวณรอบดวงตาที่เพิ่งผ่านการ ฉีดถุงใต้ตา มานั้นจะมีความความบอบบางมากเป็นพิเศษ ถ้าหาว่าดันแต่งหน้าหรือทาครีมซึ่งมีสารเคมีอาจจะกระตุ้นให้ผิวหน้าเกิดการอักเสบจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วงดการแต่งหน้าทาครีมไปก่อน 1 วัน หลังจากนั้นจึงค่อยแต่งหน้าเบาๆไม่ลงเครื่องสำอางหนักมากจนเกินไป และเมื่อแพทย์ให้ความเห็นว่าสามารถแต่งหน้าได้แล้ว ก็จัดเต็มกันได้เลย
เรียกได้ว่าเป็นข้อมูลที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาที่มีประโยชน์ต่อผู้สนใจอยากจะฉีดฟิลเลอร์ที่บริเวณใต้ตา ซึ่งสามารถนำไปใช้กันได้ ถือว่าเป็นการเตรียมตัวที่ดีก่อนทำสวยเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมามีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด เพียงเท่านี้คุณก็จะมั่นใจได้ว่าการฉีดเพื่อความสวยความงามในแต่ละครั้ง จะเป็นไปด้วยความปลอดภัยเพราะได้เตรียมตัวมาแล้วอย่างดี พร้อมที่จะสวยได้อย่างยาวนาน