หลายๆ คนอาจจะมีความเข้าใจแบบผิดๆ เกี่ยวกับการรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคล้ำ
อาจจะกล่าวได้ว่าปัญหาใต้ตาคล้ำเป็นปัญหาที่ไม่ว่าใครต่างก็ต้องพบเจอด้วยกันทั้งสิ้น ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากว่าด้วยวิถีชีวิตปัจจุบันทำให้หลายๆ คนนอนดึก ตื่นเช้า หรือบางครั้งเกิดความเครียดสะสมและพักผ่อนน้อย สาเหตุต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ขอบตาคล้ำด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งวันนี้เราขอรวบรวมเอาความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการฉีดใต้ตาคล้ำมาฝากคุณแล้ว พร้อมแล้วมาดูกัน
1.ปัญหาใต้ตาคล้ำเกิดจากกรรมพันธุ์อย่างเดียวเท่านั้น
หลายๆ คนมักจะเข้าใจผิดคิดว่าปัญหาใต้ตาคล้ำเกิดจากกรรมพันธุ์อย่างเดียวเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงความเข้าใจนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด เนื่องจากปัญหาใต้ตาคล้ำเกิดจากสาเหตุหลายต่อหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการที่เส้นเลือดรอบดวงตาไหลเวียนได้ไม่สะดวก ทำให้เส้นเลือดดำขยายตัวและเห็นเป็นรอยคล้ำบริเวณใต้ตา ซึ่งบ่อยครั้งอาจเกิดจากการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ หรืออายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งด้วยอายุที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ผิวรอบดวงตาบางลง และเห็นเส้นเลือดดำได้ชัดเจนกว่าเดิม บางครั้งอาจจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ช่วงที่มีประจำเดือน หรือช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ บางครั้งสาเหตุอาจเกิดจากการที่เม็ดสีสะสมบริเวณใต้ตามากกว่าปกติ โดยอาจเกิดจากการอักเสบของผิวใต้ดวงตา ไม่ว่าจะเป็นโรคภูมิแพ้ การแพ้สารสัมผัส ทั้งอายแชว์โดว์ อายครีม เป็นต้น
2.เพียงพักผ่อนก็หายจากใต้ตาคล้ำได้
ความเข้าใจผิดประการที่สองได้แก่ ความเข้าใจที่ว่าแค่คุณนอนพักผ่อนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก็สามารถหายจากอาการใต้ตาคล้ำได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ เพราะการนอนพักผ่อนอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำได้ หากสาเหตุของการเกิดใต้ตาคล้ำของคุณไม่ได้มาจากการพักผ่อนน้อย บางคนใต้ตาคล้ำเนื่องจากโครงสร้างของใบหน้ามีช่วงเบ้าตาที่ลึก ทำให้เกิดเงาในบริเวณรอบดวงตาเป็นต้น ดังนั้นการแก้ไขปัญหารอยหมองคล้ำใต้ตาจึงควรแก้ไขที่ต้นเหตุจะดีที่สุด
3.สารสัมผัสที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้รอบดวงตาไม่ใช่สารจากธรรมชาติ
หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่าการแพ้หรือระคายเคืองก็สามารถทำให้รอบดวงตาหมองคล้ำได้ จึงละเลยในการคัดสรรเครื่องสำอางสำหรับใช้รอบดวงตา หรือบางคนคิดว่าสารที่ทำให้แพ้มักจะไม่ใช่วัตถุดิบจากธรรมชาติ จึงมักจะมองหาผัก ผลไม้ หรือสารจากธรรมชาติมาประคบรอบดวงตาเพื่อบำรุงผิว เช่น ว่านหางจระเข้ ถุงชา แตงกวา ซึ่งก่อนที่คุณจะเลือกสิ่งใดก็ตามมาประคบรอบดวงตาควรพิจารณาว่าคุณแพ้สารต่างๆ เหล่านี้หรือไม่
4.ดื่มเหล้าไม่ทำให้ใต้ตาคล้ำ
สำหรับความเข้าใจผิดที่หลายๆ คนควรทำความเข้าใจใหม่คือแท้จริงแล้วการดื่มเหล้าทำให้ใต้ตาหมองคล้ำ เพราะเมื่อคุณดื่มแอลกอฮอล์ จะทำให้เส้นเลือดขยายตัว และเห็นเป็นรอยหมองคล้ำบริเวณใต้ตา นอกจากนี้การดื่มเหล้ายังทำให้ผิวแห้งและขาดน้ำ โดยแอลกอฮอล์ที่ดื่มจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดมากที่สุดบริเวณผนังกระเพาะอาหาร และส่งผลต่อระบบประสาท ซึ่งจะส่งผลในเวลาราวๆ 30 นาทีไปจนถึง 2 ชั่วโมง ดังนั้นจะดีกว่าหากว่าคุณหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้า เพื่อลดปัญหาของใต้ตาหมองคล้ำนั่นเอง
5.ไม่จำเป็นต้องทาครีมกันแดดใต้ตา
บางคนคิดว่าครีมกันแดดทาแค่บางจุดเฉพาะใบหน้าก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วคุณต้องทาครีมกันแดดใต้ตา เนื่องจากรอบดวงตาเป็นจุดที่บอบบางมากที่สุด และยังเป็นจุดที่ไวต่อแสงแดดอีกด้วย การเลือกครีมกันแดดสำหรับทาบริเวณใต้ตา ควรเลือกครีมกันแดดสำหรับผิวบอบบาง และควรตรวจสอบก่อนการใช้งานด้วยว่ามีสารที่ก่อให้เกิดการแพ้หรือการระคายเคืองหรือไม่ เพราะหากว่าเกิดการแพ้อาจทำให้ความหมองคล้ำใต้ตาทวีเพิ่มมากขึ้นด้วยนั่นเอง
6.การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ช่วยแก้ไขปัญหาความหมองคล้ำ
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จัดได้ว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดสำหรับคนที่มีใต้ตาหมองคล้ำ อีกทั้งบริเวณรอบดวงตาหรือใต้ตา จะเป็นจุดที่แพทย์แนะนำจุดแรกหากว่าคนไข้ปรารถนาจะมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ ไม่อิดโรยและดูสดใส ซึ่งจะเห็นผลหลังจากที่ทำในทันที ไม่มีแผลเป็น เติมร่องใต้ตาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผิวชุ่มชื่นกว่าเดิม และยังทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนวัยกว่าเก่าอีกด้วย
7.คนที่อายุไม่เกิน 18 สามารถฉีดใต้ตาคล้ำได้
เนื่องจากว่ามีข้อกำหนดการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาโดยหลักเกณฑ์เบื้องต้นคือคนที่อายุไม่ถึง 18 ปีห้ามฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคนที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากรณีใต้ตาหมองคล้ำ แต่อายุไม่ถึง 18 ปีสามารถให้แพทย์พิจารณาเพิ่มเติมได้เช่นกันว่าควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาหรือไม่
8.คนที่ทำงานประจำไม่ควรฉีดใต้ตา
ความเป็นจริงแล้วนั้นคนที่ทำงานประจำสามารถฉีดใต้ตาได้ แม้ว่าคุณจะมีไม่มีเวลาพักฟื้นก็ตาม แต่คุณสามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว และยังอยู่ได้นานอีกด้วย ข้อดีของการฉีดใต้ตาที่ไม่มีหัตถการอย่างใดเทียบเทียมได้ก็คือการที่คุณสามารถฉีดแล้วกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้หลายต่อหลายอย่างนั่นเอง ดังนั้นอาจจะกล่าวได้ว่าการพักฟื้นหรือการลางานไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ตัดสินใจว่าควรฉีดใต้ตาดีหรือไม่ อย่างไร
9.ฉีดใต้ตาให้ผลลัพธ์ไม่เป็นธรรมชาติ
อาจจะกล่าวได้ว่าการฉีดใต้ตาคล้ำเป็นหัตถการที่เติมเต็มความงามสมบูรณ์แบบ ในงบประมาณที่ไม่แพงจนเกินไป เนื่องจากว่าการฉีดใต้ตาเป็นการใช้สารเติมเต็มกรดไฮยาลูรอนิกซึ่งช่วยเสริมสร้างความเต่งตึง เปล่งปลั่งและขาวกระจ่างใสในทันทีหลังจากที่ฉีดใต้ตาเป็นครั้งแรก อาจจะกล่าวได้ว่าการเลือกฉีดใต้ตาเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมเนื่องจากว่าทำแล้วมอบผลลัพธ์ที่ดีให้กับคนไข้นั่นเอง
10.ให้นมบุตรอยู่ก็สามารถฉีดใต้ตาหมองคล้ำได้
อย่างไรก็ดีคุณแม่ยังสาวอาจจะกำลังคิดอยู่ใช่หรือไม่ว่าใบหน้าของตนเองทรุดโทรม อันเนื่องมาจากการที่ต้องรับภาระหนักในช่วงเวลาเลี้ยงลูก การฉีดใต้ตาคล้ำจึงกลายเป็นทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม แต่อย่างไรก็ดีหากว่าคุณแม่กำลังให้นมบุตรอยู่ก็ควรระมัดระวังเอาไว้ก่อนจะดีกว่าเนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์จะต้องรับประทานยาแก้ปวดหรือยาแก้อักเสบในบางกรณี ยิ่งหากว่าหลังฉีดแล้วเกิดการอักเสบก็ยิ่งทำให้แพ้ได้อีกด้วย อย่างไรก็ดีหากว่าต้องการฉีดใต้ตาจริงๆ ก็ควรปรึกษาทั้งสูตินรีแพทย์และแพทย์ทางด้านความงาม เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อตัวของคุณเองและลูกน้อย
11.เลือกคลินิกที่ตั้งอยู่จุดใดก็ได้
หลายๆ คนมักจะเข้าใจไปผิดและคิดว่าสามารถเลือกคลินิกใดก็ได้ ตั้งอยู่ในจุดใดก็ได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่อย่างที่คุณคิด เพราะการเลือกคลินิกที่ตั้งอยู่ในย่านซึ่งมีผู้คนพลุกพล่าน หรืออยู่ในศูนย์การค้า เดินทางสะดวก มองเห็นได้อย่างชัดเจนและไม่แออัดหลบมุม เป็นสิ่งที่ดีกว่า เนื่องจากเสริมสร้างความปลอดภัยและเติมเต็มความน่าเชื่อถือให้กับตัวคนไข้ด้วยนั่นเอง
12.ฉีดใต้ตาควรใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง
สำหรับความเข้าใจนี้คือความเข้าใจที่ผิด เพราะในความเป็นจริงแล้วกลุ่มฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับการฉีดใต้ตาควรเป็นกลุ่มฟิลเลอร์ที่มีเนื้อละเอียด หรือมีความเข้มข้นของกรดไฮยาลูรอนิคต่ำ เนื้อเจลจะต้องเบาบางเหมือนน้ำ เหมาะกับการฉีดผิวในชั้นตื้น และช่วยในการลดริ้วรอยเล็กๆ ลดรอยหมองคล้ำใต้ตา เน้นการบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น โดยฟิลเลอร์กลุ่มนี้มักจะใช้กับคนที่แพทย์ประเมินแล้วว่าผิวบาง หรือจะใช้ในกรณีที่เก็บรายละเอียดเสริมหลังจากใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งไปแล้วก็ได้เช่นกัน จะช่วยให้ผิวใต้ตาดูเรียบเนียนและเป็นธรรมชาติ
อาจกล่าวได้ว่าการใช้ฟิลเลอร์เป็นสิ่งที่ที่แก้ไขปัญหารอยคล้ำใต้ตาได้ดีที่สุด จะดีกว่าหรือไม่หากว่าคุณจะพิจารณาเลือกฟิลเลอร์ที่ตอบโจทย์ของตนเอง พร้อมกับการเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการฉีดฟิลเลอร์อย่างที่ใครก็คาดไม่ถึง