หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ดูแลตัวเองอย่างไรให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

เมื่อฉีดฟิลเลอร์แล้วจะอยู่ได้นาน 6-24 เดือนขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ แต่ถ้าดูแลตัวเองไม่ดีฟิลเลอร์ก็จะมีอายุการใช้งานสั้นลงได้ การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นอีกจุดที่ต้องฉีดในปริมาณค่อนข้างมาก ดังนั้นคงไม่อยากมีใครอยากจะเติมบ่อยๆให้สิ้นเปลือง ในวันนี้เราจึงได้รวบรวมแนวทางการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องเพื่อยืดอายุให้ฟิลเลอร์มาฝากกัน

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

แนวทางการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ใครที่เคยฉีดฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มกันมาก่อนจะทราบกันดีว่าช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เรียกว่าฉีดแล้วเห็นผลทันตา หากต้องการคงผลลัพธ์การฉีดให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้น ควรปฏิบัติตามแนวทางต่อไปนี้

1.ภายใน 24 ชั่วโมงหลังฉีด สามารถล้างหน้า ทาครีมหรือแต่งหน้าได้ แต่ต้องทำอย่างอ่อนโยนและงดเว้นบริเวณรอยเข็ม

2.ภายใน 48 ชั่วโมงหลังฉีด ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักเพราะเลือดจะสูบฉีดมากและยังทำให้เหงื่อออกเยอะ รวมทั้งควรงดออกไปตากแดดร้อนหรือทานอาหารหน้าเตาหรือกะทะด้วย เพราะความร้อนอาจส่งลต่อประสิทธิภาพของฟิลเลอร์

3.ภายใน 14 วันหลังฉีด หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องสัมผัสอุณหภูมิสูง เช่น อาบน้ำอุ่น อบไอน้ำ ซาวน่า ประคบร้อน เลเซอร์ เป็นต้น ควรอาศัยอยู่ในที่ที่อากาศเย็นจะช่วยให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวได้ดียิ่งขึ้น

4.ไม่สัมผัสผิวหนังบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์โดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ได้

5.หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ เพราะแอลกอฮอล์ก็กระตุ้นให้เลือดสูบฉีดมากขึ้นเช่นกัน อาจจะปวดบวมนานกว่าปกติ นอกจากนี้หากดื่มจนเมาอาจมีการเผลอจับหรือนวดผิวหน้าบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์โดยไม่จำเป็น ส่วนการสูบบุหรี่จะทำให้อาการปวดบวมหายช้าลง

6.ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยต้องดื่มอย่างน้อย 2 ลิตร/วัน ฟิลเลอร์จะอิ่มฟูและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควรดื่มให้ได้ปริมาณเท่านี้อย่างน้อย 4 วันหลังฉีด

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วแพทย์จะเป็นผู้ที่แนะนำแนวทางการดูแลตัวเองให้คนไข้ฟัง ดังนั้นอย่าลืมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วย เพราะการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีหลังฉีดเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วผลลัพธ์ออกมาสวยดังใจและปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง หลังฉีดอาการปวดบวมต่างๆจะค่อยๆดีขึ้นใน 3-7 วัน แต่ถ้าหลังจากนี้ยังรู้สึกปวดบวมอยู่มากหรือมีอาการผิดปกติอื่นใด ให้รีบกลับไปพบแพทย์ทันที