รวมเรื่องที่คนมักเข้าใจผิด เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

หลายคนคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ คำกล่าวนี้ไม่ผิดไปจากความเป็นจริงเท่าใดนัก เพราะดวงตาเป็นจุดแรกบนใบหน้าของเราที่มักถูกมอง อย่างไรก็ดีหากว่าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่มีปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่นใต้ตา คงเกิดคำถามหรือความสงสัยใช่หรือไม่ว่าจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี ซึ่งในปัจจุบันนี้มีคลินิกที่ตอบโจทย์คนที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นใต้ตาหลายต่อหลายคลินิก จึงเป็นหน้าที่ของผู้รับบริการในการหาความรู้เพิ่มเติมว่าเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งวันนี้เราพาคุณมาดูข้อมูลที่น่าสนใจนี้แล้ว

 

คนที่มีใต้ตาดำไม่ควรฉีดฟิลเลอร์

ความเข้าใจผิดข้อแรกได้แก่การที่หลายๆ คนเข้าใจว่าหากตนเองมีผิวหมองคล้ำรอบดวงตา ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งความคิดนี้ถือเป็นความคิดที่ผิดอย่างยิ่ง เพราะคนที่มีใต้ตาดำสามารถฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขปัญหานี้ได้ โดยการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาจะช่วยในการทดแทนเนื้อเยื่อ รวมไปถึงคอลลาเจนใต้ตาที่สลายไป จึงส่งผลให้ร่องบริเวณใต้ตาดูตื้นขึ้นมากกว่าเดิม อีกทั้งยังเติมเต็มผิวหนังที่ยุบตัวให้เต่งตึงอีกครั้ง โดยหลายคนอาจไม่รู้ว่าที่ใต้ตาของเราหมองคล้ำนั้นบ่อยครั้งก็มีสาเหตุมาจากการที่กระดูกบริเวณใต้ตายุบตัวลงไป ส่งผลให้เกิดปัญหาใต้ตาดำและหมองคล้ำ ดูแก่กว่าวัยนั่นเอง

 

กล้ามเนื้อรอบดวงตาไม่ทำให้มีริ้วรอยเหี่ยวย่นใต้ตา

ความเข้าใจผิดประการที่สองได้แก่ การที่หลายๆ คนเข้าใจว่าริ้วรอยใต้ตาเกิดจากการที่ผิวเสียคอลลาเจนและอิลาสตินเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วริ้วรอยใต้ตาสามารถเกิดขึ้นจากกล้ามเนื้อรอบดวงตาได้ด้วยเช่นกัน กล้ามเนื้อรอบดวงตาจะมีขนาดที่เล็กลง ส่งผลให้ผิวบริเวณใต้ตาไม่มีที่ยึดเกาะ และเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้นั่นเอง

 

อายุไม่ถึง 30 ปีไม่จำเป็นต้องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

สำหรับสิ่งที่หลายๆ คนเข้าใจผิดได้แก่การที่ตนเองอายุไม่ถึง 30 ปี ไม่จำเป็นต้องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าใดก็สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ หากรู้สึกว่าผิวบริเวณใต้ตาทำให้คุณสูญเสียความมั่นใจ ซึ่งในบางกรณีคนที่อายุเพียง 25 ปีก็สามารถเกิดปัญหาบริเวณใต้ตาได้ ยกตัวอย่างเช่น ปัญหาเบ้าตาลึก หรือตาโหล อันเกิดจากอายุที่มากขึ้น ซึ่งมักจะพบได้ในคนที่อายุ 25 ปีขึ้นไป เนื้อเยื่อใต้ตาจะค่อยๆ ยุบตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เกิดปัญหาที่หลายๆ คนไม่อาจแก้ไขได้ด้วยครีม การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยแก้ไขปัญหานี้ให้กับคุณได้อย่างชัดเจน

 

การใช้สายตาหนักเกินไปไม่ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตา

หลายคนมักใช้สายตาหนักๆ โดยไม่รู้ว่านี่คือตัวกระตุ้นให้เกิดริ้วรอยใต้ตา ข้อนี้ถือเป็นวิกฤติสำหรับคนวัยทำงานอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ใช้สายตากับคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือมากเกินไป ย่อมทำให้ดวงตาเกิดความเหนื่อยล้า และเลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงรอบดวงตาได้อีกด้วย จึงส่งผลให้รอบดวงตาคล้ำขึ้นกว่าเดิม และส่งผลให้เกิดริ้วรอย ความเหี่ยวย่น รอบดวงตา ดังนั้นการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคือการเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั่นเอง

 

ฉีดฟิลเลอร์แล้วสามารถนอนดึกเป็นประจำได้

ในยุคสมัยนี้การนอนดึกถือเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว หากว่าคุณนอนดึกเป็นประจำจะทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดีพอ ส่งผลให้ผิวหนังรอบดวงตาไม่ได้รับการไหลเวียนของเลือด ใต้ตาจึงคล้ำและหมอง และทำให้เกิดริ้วรอยได้นั่นเอง อย่างไรก็ดีแม้จะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วก็ตาม แต่หากไม่ดูแลร่างกายให้ดีพอก็อาจทำให้ริ้วรอยและความหมองคล้ำใต้ตากลับมาเยือนได้ไม่ยาก

 

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วจะต้องพักฟื้น

แท้จริงแล้วหลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่จำเป็นต้องพักฟื้นแต่อย่างใด เนื่องจากอาการบวมหลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์จะเกิดขึ้นได้โดยปกติ ซึ่งจะเป็นอาการบวมเข็มในช่วงแรกหรือราวๆ 4-5 วัน หลังจากนั้นอาการบวมก็จะค่อยๆ ดีขึ้นกว่าเดิม และสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนและอาการบวมจะยุบลงเต็มที่ในประมาณ 3 สัปดาห์แรก หรือในบางรายอาจไม่บวมเลยก็ได้

 

มีหนองหลังจากฉีดฟิลเลอร์ถือเป็นเรื่องปกติ

หลายคนอาจเข้าใจผิดและคิดว่าหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถเกิดหนองขึ้นได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วหากว่าหลังฉีดฟิลเลอร์ไปประมาณ 3 วันแล้วมีอาการบวมเพิ่มมากกว่าเดิม ปวดมากขึ้นหรือบวมแดง มีผื่นแพ้หรือรอยช้ำเป็นบริเวณกว้าง นี่คือสัญลักษณ์ว่าการฉีดฟิลเลอร์ของคุณมีข้อผิดพลาดบางประการที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน ไม่ควรปล่อยระยะเวลาให้มากกว่าสองสัปดาห์ เนื่องจากอาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้

 

ควรนวดใต้ตาหลังการฉีดฟิลเลอร์

บางคนเลือกหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตที่ขาดความน่าเชื่อถือ และพบข้อมูลเท็จว่าให้นวดใต้ตาหลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งในความเป็นจริงนั้น คนไข้ควรหลีกเลี่ยงการแตะ การกด การนวด หรือแม้แต่การเกาในบริเวณจุดที่ฉีด เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดปัญหาบางประการในจุดที่ฉีดฟิลเลอร์ได้ นอกจากนี้ควรรับประทานยาที่แพทย์ได้จ่ายให้หลังจากทำต่อเนื่องจนยาหมด เพราะยาที่แพทย์จ่ายให้คือยาฆ่าเชื้อ ช่วยลดอาการบวมและอาการติดเชื้อ

 

ความร้อนไม่ส่งผลกับฟิลเลอร์

การออกกำลังกายหรือแม้แต่การอยู่กับกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนเป็นเวลานาน ยกตัวอย่างเช่น การทำกับข้าว การเข้าซาวน่าหรือแม้แต่การตากแดดเป็นเวลานาน ย่อมส่งผลต่อฟิลเลอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เพิ่งเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ในเวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง ดังนั้นจะดีกว่าหรือไม่หากว่าจะปฏิบัติตัวให้ตรงกับที่แพทย์ได้แนะนำเอาไว้ เพื่อลดผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตของฟิลเลอร์

 

เลเซอร์ร้อนไม่ส่งผลกับการฉีดฟิลเลอร์

ในความเป็นจริง หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้วควรงดการเลเซอร์ร้อนโดยเด็ดขาด เพราะหลักการทำงานของเลเซอร์ร้อนคือจะทำให้เกิดความร้อนที่ผิวหนัง ซึ่งอาจทำให้มีผลกระทบกับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์เอาไว้ได้นั่นเอง

 

ไม่จำเป็นต้องใช้หมอนสูง

สำหรับคนที่ฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตา ถือเป็นข้อจำเป็นอย่างยิ่งในการนอนยกหัวสูงกว่าระดับหน้าอก เนื่องจากจะช่วยลดการรั่วไหลของสารน้ำออกจากเส้นเลือดได้แล้วยังลดอาการบวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นหากคนไข้นอนหนุนหมอนเตี้ย อาจทำให้เกิดผลกระทบและผลข้างเคียงได้อย่างชัดเจน

 

การรับประทานอาหารไม่เกี่ยวข้องกับการบวม

แม้หลายคนมีความคิดว่าหลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์จะสามารถรับประทานอะไรก็ได้ แต่ในความเป็นจริง คำกล่าวที่ว่า “You are what you eat” ยังเป็นคำกล่าวที่เป็นจริงอยู่เสมอ เพราะการรับประทานอาหารจะช่วยในการลดอาการบวมได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นสาหร่าย ฟักทอง ใบบัวบก ถั่วดำ น้ำมะพร้าว ซึ่งอาหารเหล่านี้จะมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ แร่ธาตุ ใยอาหาร รวมไปถึงธาตุเหล็ก ซึ่งจะช่วยกำจัดเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอม พร้อมทั้งช่วยในการลดอาการบวม และปรับอุณหภูมิของร่างกายให้ลดอาการบวมได้อย่างชัดเจน

เพราะการฉีดฟิลเลอร์นั้น แท้ที่จริงแล้วมีส่วนสำคัญในการเติมเต็มความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้าของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวรอบดวงตาซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าหากมีริ้วรอยเหี่ยวย่นเกิดขึ้นจะทำให้ดูแก่กว่าวัยได้อย่างชัดเจน โดยผู้ที่สนใจจะฉีดฟิลเลอร์และคิดว่าจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี แนะนำว่าควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน และได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องในการเปิดคลินิก เพื่อให้ผลลัพธ์การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาของคุณเป็นที่น่าพึงพอใจ