เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการ ฉีดถุงใต้ตา มีกี่ประเภท

ฉีดถุงใต้ตา

หากจะให้พูดถึงปัญหาถุงใต้ตาซึ่งมีหลากหลายประเภทด้วยกัน ที่หลายคนมักจะต้องประสบพบเจอและทำให้กังวลใจอย่างมากเลยนั้นมีเพียบ ไม่ว่าจะเป็น ใต้ตาที่มีความหมองคล้ำ ใต้ตาลึก ใต้ตามีริ้วรอย มีถุงใต้ตาหนา และอีกมากมาย ซึ่งเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นรวมไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน จึงทำให้เกิดปัญหาถุงใต้ตาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วจึงทำให้การแก้ไขด้วยการฉีดถุงใต้ตา ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งการันตีได้เลยว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด เห็นผลทันทีโดยที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดให้เจ็บตัวเลยแม้แต่น้อย สำหรับใครที่สนใจการฉีดที่บริเวณถุงใต้ตาแล้วละก็ โดยหลักๆแล้วจะมีให้เลือกสองประเภทด้วยกัน งั้นเราไปดูกันดีกว่าว่าจะมีอะไรบ้าง พร้อมกับจุดเด่น ข้อดีและข้อเสียที่น่าสนใจควรรรู้ไว้ เพื่อนำไปพิจารณาให้ตรงกับความต้องการของตนเอง

 

การฉีดถุงใต้ตา ด้วยฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ ชื่อนี้ถือว่าเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) ที่มีคุณสมบัติเด่นนั่นก็คือช่วยในการเติมเต็มให้ชั้นผิวที่เคยเหี่ยวแห้ง มีความหมองคล้ำและไม่สดใส ให้กลายเป็นความเต่งตึง เปล่งปลั่ง เรียบเนียน ริ้วรอยที่ดูลึกก็จะตื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นแล้วจึงไม่แปลกใจเลยที่จะได้รับความนิยมในการนำมา ฉีดถุงใต้ตา เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นบริเวณรอบดวงตา อีกทั้งฟิลเลอร์ที่ดีและมีมาตราฐานนั้นจะทำให้คุณสบายใจได้อย่างแน่นอนว่า จะไม่ก่อให้เกิดสารตกค้างในผิวหนังแต่อย่างใด เพราะสามารถเสื่อมสลายไปได้ตามธรรมชาติภายในระยะเวลาประมาณ 1 ปีและสามารถเติมเต็มได้ตลอดตามที่ต้องการ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูสวยงามและปลอดภัย

ฉีดถุงใต้ตา

 

การฉีดถุงใต้ตา ด้วยไขมัน

ถ้าหากใครที่ค่อนข้างมีความกังวลในการ ฉีดถุงใต้ตา และไม่อยากจะนำสิ่งแปลกปลอมฉีดเข้าไปในร่างกายของตนเอง ดังนั้นแล้วจึงมีอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจอย่างมากในการฉีดบริเวณใต้ตา ให้มีความเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้นได้ ด้วยการฉีดไขมันใต้ตา ซึ่งเป็นวิธีธรรมชาติที่มีความปลอดภัยต่อร่างกายของเราอย่างแน่นอน เนื่องจากไขมันที่นำมาฉีดนั้นก็คือไขมันส่วนเกินจากร่างกายของเราเอง ที่นำมาสกัดเพื่อให้สามารถฉีดเข้าไปเติมเต็มบริเวณใต้ตาได้อย่างเหมาะสมและมีความปลอดภัย ซึ่งได้รับความนิยมไม่แพ้การฉีดด้วยฟิลเลอร์เลยทีเดียว และผลลัพธ์ก็ดูเป็นธรรมชาติอีกด้วย

ฉีดถุงใต้ตา

 

ข้อดีของการฉีดถุงใต้ตา ด้วยไขมัน

1.มีความมั่นใจได้อย่างแน่นอนว่าปลอดภัยต่อผิวหน้าของคุณอย่างแน่นอน เนื่องจากไขมันที่นำมาใช้นั้นก็คือไขมันส่วนเกินจากร่างกายของเรานั่นเอง ที่จะถูกนำมาสกัดอีกครั้งเพื่อให้ได้ไขมันที่มีความเหมาะสมต่อการนำไปใช้ และเมื่อฉีดแล้วจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีอย่างน่าพึงพอใจ ไม่มีอาการแพ้ หรือมีความเสี่ยงที่ค่อนข้างน้อยมาก ใครที่อยากได้วิธีธรรมชาติแล้วละก็ การฉีดถุงใต้ตา ด้วยไขมันก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวนะ

2.สำหรับการ ฉีดถุงใต้ตา ด้วยไขมันของตนเอง เมื่อทำหัตถการฉีดไปเสร็จสิ้นแล้วก็ใช้เวลาในการพักฟื้นน้อยมาก สามารถกลับบ้านได้ทันทีเลย และสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆภายใน 1-2สัปดาห์ว่า บริเวณใต้ตาที่มีความสดใส ริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เคยลึกจะดูตื้นขึ้น  มีความเต่งตึงอิ่มเอิบอย่างน่าพึงพอใจ

ฉีดถุงใต้ตา

 

ข้อเสียของการฉีดใต้ตา ด้วยไขมัน

1.สำหรับข้อนี้อาจจะไม่เรียกว่าข้อเสียได้เต็มปากมากนัก แต่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งข้อควรรู้แก่ผู้ที่สนใจอยากจะ ฉีดถุงใต้ตา ด้วยไขมัน นั่นก็คือ การฉีดที่บริเวณใต้ตาด้วยไขมัน อาจจะต้องฉีดมากกว่าหนึ่งครั้ง  เนื่องจากการฉีดไขมันอาจจะสลายตัวได้เร็วมากกว่าการฉีดด้วยฟิลเลอร์ ดังนั้นแล้วจึงต้องฉีดซ้ำหลายครั้งจึงจะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน เรียกได้ว่าเจ็บตัวหลายครั้งกันสักหน่อย

2.ถึงแม้ว่าการ ฉีดถุงใต้ตา ด้วยไขมันจะมีความปลอดภัยต่อร่างกาย แต่ในระหว่างทางการที่จะได้ไขมันมา เพื่อนำมาฉีดที่บริเวณใต้ตานั้นค่อนข้างยุ่งยากเลยทีเดียวล่ะ เนื่องจากจะต้องมีการตรวจเช็ค มีการดูดไขมันออกมาเพื่อเข้าสู่กระบวนการแยกชั้นของเหลวและไขมันที่ต้องการนำไปใช้ ซึ่งมักจะต้องเจ็บตัวหลายจุดในร่างกาย รวมไปถึงการมีแผล เพื่อดูดไขมันส่วนเกินออกมานั่นเอง

3.การฉีดถุงใต้ตา อาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่กลัวการเจ็บตัว เนื่องจากจะต้องมีการดูดไขมันส่วนเกินแต่ละจุดในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ก้น สะโพก ต้นขา หน้าท้อง เป็นต้น ทั้งนี้แล้วแต่สภาพร่างกายของแต่ละคนและจากการประเมินของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วย

ฉีดถุงใต้ตา

 

บทสรุป

จะเห็นได้เลยว่าเมื่อเปรียบเทียบระหว่างการ ฉีดถุงใต้ตา ด้วยฟิลเลอร์และไขมันแล้ว ก็มีจุดเด่นรวมไปถึงข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าการฉีดบริเวณถุงใต้ตาแต่ละวิธีนั้น สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้มากน้อยแค่ไหน ก็ควรนำไปพิจารณารวมไปถึงปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วย เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสม ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ตามต้องการ